ไวรัล

Advertisement 30 มีนาคม ที่ผ่านมา สมาชิกเรดดิตรายหนึ่งได้โพสต์ถึงความอะเมซิ่งไทยแลนด์ เมื่อเจอช่างแอร์โชว์ลีลาการซ่อมสุดหวาดเสียว ด้วยการยืนเท้าเปล่าบนระเบียงเหล็กบาง ๆ ของชั้น 7 โดยไม่สวมสายรัดนิรภัย Advertisement สมาชิกเรดดิตรายนี้ถึงกับเขียนแคปชั่นว่า“ช่างแอร์ยืนเท้าเปล่าบนตึกสูง 7 ชั้น แบบไม่มีสายรัดนิรภัย แค่มองฉันยังไม่กล้าเลย ฮ่า ๆ พบได้แค่ในไทยที่เดียว” พร้อมกับแนบรูปประกอบ เรียกได้ว่าชาวเน็ตเข้ามาแสดงความเห็นกันเพียบ หลายความเห็นพูดถึง “ความตลกร้าย” ในเมืองไทย เรื่องคุณภาพและคุณค่าในความปลอดภัยของชีวิต Advertisement “คนไทยไม่ค่อยให้ค่ากับเรื่องนี้ เพราะบางส่วนไม่ได้ตระหนักรู้ถึงความปลอดภัยขั้นพื้นฐาน?”, “กฎความปลอดภัยไม่ได้ถูกบังคับใช้ เพราะไม่มีใครสนใจ”, “ไม่นะ ไม่ใช่แค่ในไทย แต่ยังพบได้ในอินเดีย พูดง่าย ๆ ก็พบได้ทั่วไปในที่ที่คุณภาพชีวิตของคนไม่สูง”, “ฉันมักจะเห็นคนไทยเชื่อมเหล็กโดยไม่ใส่แว่นตาเชื่อมเหล็ก บางคนก็แค่หรี่ตาเอา หรือใช้แว่นกันแดดปกติ”     ข่าวจาก : ข่าวสด

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นของชายคนหนึ่งที่ออกมาเล่าเรื่องราวผ่านเรดดิด เขาเผชิญกับสถานการณ์ที่แทบไม่เชื่อใน “ความกล้า” ของผู้หญิงบนเที่ยวบิน TPAC จากญี่ปุ่น โดยอยากให้เปลี่ยนที่นั่งเพื่อที่เธอจะได้นั่งกับลูกวัยเตาะแตะของเธอ ชายเล่าว่า ตนเองนั่งบริเวณริมหน้าต่าง ถัดไปตรงกลางเป็นเด็กน้อยคนหนึ่ง ส่วนคุณแม่ที่เป็นคนขอแลกที่นั่งอยู่แถวหลังเบาะกลาง ซึ่งเมื่อเธอเอ่ยคำขอ เขาย่อมปฏิเสธที่จะเปลี่ยนที่นั่งบนเครื่องบิน พร้อมเผยว่านี่ไม่ใช่ปัญหาของตน เป็นเหตุให้คุณแม่คนดังกล่าวไม่พอใจกับเรื่องนี้ แถมยังบอกว่า เธอไม่ได้ขอให้ใครเปลี่ยนที่นั่ง แม้จะรู้ว่ามีคนอื่น ๆ ในกลุ่มทัวร์ของเธอนั่งล้อมรอบก็ตาม แต่เธอจงใจมาขอเขาโดยเฉพาะ “เธอขอให้แค่สลับกับเธอเพื่อที่เธอจะได้นั่งริมหน้าต่าง (ถัดจากลูกสาวของเธอ) และผมจะนั่งแถวกลางให้เธอข้างหลัง ให้ตายเถอะ ไม่สิ ไม่ใช่ปัญหาของผมที่พวกเขาไม่ได้จองด้วยกัน ที่แย่กว่านั้นคือเราถูกรายล้อมไปด้วยคนอื่น ๆ จากกลุ่มทัวร์ของเธอ ซึ่งเธอสามารถขอแลกเปลี่ยนบริษัททัวร์ก็ได้ นับถือความกล้าที่จะถามแค่ผมและคาดหวังการแลกที่นั่งที่สะดวกกว่า” พร้อมกล่าวถึงเด็กน้อยว่า ไม่ได้ซนแม้แต่น้อย “เธอประพฤติตัวดีมากทำให้การเดินทางครั้งนี้มีความสุขมาก แม่แกล้งเล็กน้อย น่าจะเป็นการลงโทษที่ฉันไม่เคลื่อนไหว แต่เมื่อยานอนหลับเริ่มออกฤทธิ์ มันเป็นการเดินทางที่ราบรื่น”   ข่าวจาก : ข่าวสด

สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน “โรนัลด์” สุนัขตัวโตจ้ำม่ำวัย 1 ปีที่โดนปฏิเสธมากถึง 14 ครั้งในช่วงเวลา 5 สัปดาห์ แต่ในที่สุดก็มีคนเห็นความน่ารักของเจ้าโรนัลด์และพร้อมต้อนรับไปเลี้ยงเป็นหนึ่งในสมาชิกครอบครัวเสียที เรื่องราวนี้เกิดขึ้นเมื่อประมาณต้นเดือนม.ค.ที่ผ่านมา ศูนย์พักพิงสัตว์เอสพีซีเอในเขตเวคเคาน์ตี รัฐนอร์ทแคโรไลนา สหรัฐอเมริกา โพสต์ประกาศหาคนรับเลี้ยงโรนัลด์ผ่านทางเฟสบุ๊ก โดยระบุข้อความว่า “ช่วยทำลายสถิติโชคร้ายของโรนัลด์ด้วย!” ซึ่งโพสต์ดังกล่าวมียอดวิวเกือบ 1 ล้าน และมีคนกดไลค์นับหมื่นคน แม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีคนต้องการรับโรนัลด์ไปเลี้ยงหลายร้อยคน และลองพาโรนัลด์กลับไปอยู่บ้าน แต่โรนัลด์ถูกส่งกลับมากว่าสิบครั้งเนื่องจากขนาดร่างกายที่ใหญ่เกินกว่าลูกสุนัข แถมยังแข็งแรงและคึกมากๆ อย่างไรก็ตาม นางพยาบาลคนหนึ่งติดต่อขอรับโรนัลด์ไปเลี้ยง โดยให้เหตุผลว่าทันทีที่เจอเจ้าโรนัลด์ก็รู้สึกตกหลุมรัก ตนไม่ผิดหวังกับขนาดตัวของโรนัลด์เลย เพราะเจ้าโรนัลด์ทั้งน่ารักและขี้เล่นมาก จากนั้นนางพยาบาลรายนี้ก็ตัดสินใจรับโรนัลด์กลับบ้านในทันที นอกจากโรนัลด์แล้ว ในบ้านของคุณพยาบาลใจดียังมีสุนัขประจำครอบครัวอีกตัวชื่อ “บิลลี่” ซึ่งช่วยชีวิตไว้และนำมาเลี้ยงเมื่อ 2 ปีที่แล้ว โดยเจ้าโรนัลด์เข้ากับบิลลี่ได้เป็นอย่างดี รวมถึงลูกชายอีก 2 คนของคุณพยาบาล ซึ่งกรีดร้องด้วยความตื่นเต้นเมื่อเห็นโรนัลด์ ส่วนตูบน้อยตัวโตก็กระโจนใส่อย่างตื้นตันที่ได้เจอสมาชิกครอบครัว   ข่าวจาก : ข่วาสด

เพจเฟซบุ๊ก “ไม่ใช่หมอบ่น – aggressivenotdoctor” ที่ออกมาเผยแพร่เรื่องราวของบุคคลหนึ่งที่ออกมาโพสต์ระบายถึงที่จอดรถของโรงพยาบาล เหตุมีการกั๊กที่จอดไว้สำหรับแพทย์ในโรงพยาบาลโดยเฉพาะ โดยเป็นภาพลานจอดรถภายในโรงพยาบาลสุรินทร์พร้อมป้าย “ที่จอดรถแพทย์ รพ.สุรินทร์” พร้อมระบุว่า “แปลกเนาะโรงพยาบาลเป็นที่สำหรับดูแลคนไข้ แต่กลับมีแต่ที่จอดรถสำหรับหมอ แต่ไม่มีที่จอดรถสำหรับคนไข้ คนไข้ต้องไปหาที่จอดรถไกลข้างนอก สรุปเป็นที่สำหรับหมอหรือคนไข้?” งานนี้เป็นกระแสดราม่าหนัก ชาวโซเชียลต่างพากันเดือดสนั่น ไม่ว่าจะเป็น “ส่วนตัวคิดว่า พื้นที่จอดรถของโรงพยาบาลอาจไม่เพียงพอกับปริมาณของคนไข้และหมอ ทางโรงพยาบาลจึงจำเป็นจัดที่จอดรถให้เพียงพอต่อหมอก่อนเพื่อ เมื่อถึงเวลาเร่งด่วนต้องรักษาคนไข้ที่อาการหนัก หมอจะได้มาทันเวลาไม่เสียเวลาไปหาที่จอดรถค่ะ” “คนไข้ ผ่ากันเองครับ ตามสบาย” “อีกหน่อยจะโวยวายว่าห้องพักแพทย์ให้แต่แพทย์เข้าพักมั้ย” “เป็นหมอควรเสียสละให้คนไข้ค่ะ หมอไปวนหาที่จอดไกลๆ ให้ญาติได้จอดใกล้ๆ แล้วให้ญาติรักษาคนไข้เอง หมดคำจะพูดกับตรรกะแบบนี้” “เวลามีเหตุฉุกเฉิน หมอจะได้มีที่จอดหน้าตึก เข้าไปดูคนไข้ได้อย่างรวดเร็ว” ล่าสุด นายแพทย์ออกมาโพสต์ให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวว่า “อยากจะบอกว่าที่จอดรถที่ให้แพทย์เวรจอดตรงที่เค้าถ่ายรูปมา มันทำให้ผมจอดรถและวิ่งทำ ER Thoraco คนไข้ Trauma ผมได้ทันและคนไข้ผมก็รอจนถึงทุกวันนี้ครับ” พร้อมเพจเผยว่า “ที่จอดนั้นทำให้คนไข้คนนึงรอดตายได้จริง ๆ ในโพสคือหมอศัลยกรรมมาผ่าตัดเปิดอกปั้มหัวใจคนไข้อุบัติเหตุ ที่เส้นชีวิตไปแล้วจนรอดได้เพราะมีที่จอดนั้น” อย่างไรก็ตาม เจ้าของโพสต์ที่ออกมาโพสต์กังขาถึงที่จอดรถสำหรับแพทย์ได้ออกมาโพสต์ “ผมขอโทษขออภัยไปยังทางโรงพยาบาลสุรินทร์ด้วยนะครับ กับในสิ่งที่ผมโพสต์ไปในเมื่อวาน ในสิ่งที่ผมได้โพสต์เรื่องที่จอดรถโรงพยาบาลในเมื่อวานนั้น เป็นเพราะมันไม่มีที่จอดจริง […]

ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Cathaleeya Vankaew เจ้าของร้านขนมโฮมเมด Bake.orpunch ได้ออกมาแชร์ภาพขนมแหวกแนวสุดลิมิเต็ด อิดิชั่นของร้านตัวเอง ระบุ “ออกบูธ​ทั้งที ให้โลกรู้ไปเลยค่ะว่ากุเอาจริง ลิมิแตดอี๋ดิชึล” โดยเป็นภาพขนมที่มีรูปร่างคล้ายทรายแมว มาพร้อมทีเด็กที่ก้อนสีน้ำตาลทรงเรียว ๆ ราวกับอุนจินน้องแมว ซึ่งเจ้าของโพสต์เผยว่า “เปิดรับออเดอร์ ขนมทรายแมว น้องกระบะถาดนี้ตัวฐานเป็นครัมเบิลวนิลาหอมเนยสุด ๆ ท็อปด้วยสปั๊นเค้กช็อกโกแลตที่เราปั้นด้วยใจทุกตอน ตัวขนมมาพร้อมซอสวนิลาคัสตาร์ดเอาไว้ราดเพิ่มอรรถรส​อีกด้วยนะคะ ราคาทั้งสิ้น 49 บาทเท่านั้น เหมาะสำหรับทาสผู้หลงใหลจนหลงผิด เห็นผิดเป็นถูก เห็นอี้แงวเป็นขนม กับแงวเรียกลูกกับลูกเรียกมันมาก ๆ เลยค่ะ” นับตั้งแต่เรื่องราวดังกล่าวถูกแชร์ก็กลายเป็นกระแสไวรัล ที่มีชาวเน็ตเข้ามาคอมเมนต์และแห่แชร์กันอย่างล้นหลาม “ตักทุกวัน จำกลิ่นได้ดี” “เหมือนไปมั้ย” “ภาพที่มีกลิ่น” “รู้สึกขมคอ” “ทุกก้อนคัดมาแล้ว” “เห็นแล้วอยากหยิบที่ตักมาตัก” “เห็นแล้วอยากหยิบที่ตักมาตัก” นอกจากนี้ ยังได้รับรีวิวจากทางบ้านว่า “แค่เห็น กลิ่นที่คุ้นเคยก็ลอยมาเลย แต่พอเปิดกล่องเท่านั้น กลิ่นหอมมากต่างจากหน้าตา ตัวก้อนเป็นเนื้อบราวนี่ ตัวทรายเป็นเนื้อคล้าย ๆ ฐานของชีสเค้ก ส่วนซอสเป็นเหมือนไส้เอแคร์ กินรวมกันแล้วหอมมันอร่อย ไม่หวานมาก เพลินมาก […]

เฟซบุ๊ก Yolo Ekkamai ได้โพสต์ภาพของลูกค้าคนหนึ่งที่ให้ความร่วมมือกับกิจกรรมของทางร้านเป็นอย่างดี โดยทางร้านได้จัด “ปาร์ตี้อาชีพในฝัน” ให้ลูกค้าแต่งตัวคอสเพลย์เป็นอาชีพต่าง ๆ พร้อมมีเงินรางวัลให้สูงถึง 10,000 บาท ซึ่งมีลูกค้าสนใจเข้าร่วมกิจกรรมกันเพียบ บอกเลยว่าแค่ลูกค้าคนแรกก็เล่นใหญ่ คอสเพลย์โดดเด่นไม่เหมือนใคร เพราะมาในธีม “พระสงฆ์” นุ่งผ้าสีส้มสุดเตะตา อีกทั้งทรงผมยังเป็นใจ ทำเอาพนักงานตะลึงตั้งแต่หัววัน พร้อมเอ่ยแซวว่าแต่งเนียนขนาดนี้ต้องได้รางวัลเงินหมื่นเสียแล้ว ด้านลูกค้าคนอื่น ๆ ก็ไม่น้อยหน้า เล่นใหญ่ไม่แพ้กัน มีทั้ง พี่วินมอเตอร์ไซค์, Marshmello ดีเจสาย EDM ชื่อดัง สร้างสีสันได้เป็นอย่างดี จนโพสต์ถูกแชร์ออกไปกว่า 2,000 ครั้งเลยทีเดียว   ข่าวจาก : ข่าวสด

ผู้ใช้ติ๊กต็อก kitsanaprntama ทหารพรานนาวิกโยธินเผยวิดีโอ นาทีชีวิตของสุนัขตัวหนึ่ง พยายามข้ามผืนน้ำป่าไหลหลากตัดถนนขาด ก่อนจะตัดภาพไปอีกทีพบสุนัขตัวดังกล่าวได้ตกลงไปในน้ำและพยายามตะเกียกตะกายว่ายทวนกระแสน้ำอยู่ช่วงกลางของแม่น้ำ ระบุข้อความว่า “ดีนะช่วยน้องไว้ทันไม่งั้นเเย่เลย” พร้อมกล่าวเสริมว่า ตนเกือบมาช่วยไม่ทันน้ำป่าเริ่มไหลลงมาเยอะขึ้นเรื่อย ๆ ในวิดีโอแสดงภาพหนุ่มรีบวิ่งเข้าไปช่วยเหลือสุนัขท่ามกลางกระแสน้ำป่าที่ไหลเชี่ยว หนุ่มไม่ได้ใช้อุปกรณ์อะไร เพียงรีบเดินเข้าไปด้วยใจมุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือ เขาพยายามใช้มือคว้าสุนัขหลายครั้ง ก่อนจะสามารถจับขาหน้าของมันได้สำเร็จ เนื่องด้วยเกรงว่า หากปล่อยสุนัขเดินไปขึ้นฝั่งเองอาจทำให้น้องหมาหมดแรงและพลัดไปกับกระแสน้ำ หนุ่มจึงพยายามอุ้มสุนัขพาขึ้นฝั่งอีกฝาก สุดท้ายสามารถช่วยมันไว้ได้ แถมยังมีเจ้าสุนัขตัวโตเดินตามไปห่าง ๆ อย่างห่วง ๆ อีกด้วย อย่างไรก็ตาม หนุ่มเจ้าของคลิปกล่าวว่า น้องปลอดภัยดี นับตั้งแต่เรื่องราวดังกล่าวถูกแชร์ก็กลายเป็นไวรัลที่มี ผู้คนเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันอย่างล้นหลาม เช่น “ขอบคุณที่ช่วยน้องนะคะ” “โอ้ย ต้องมาลุ้นน้องตัวดำอีก ตามไปทำไมลูกก” “ขอบคุณมาก ๆ ๆ นะคะ ถ้าน้องพูดได้ น้องคงพูดแบบนี้” “น่ารักจังเลยลูกจิตใจดีมากๆ” “ทุกชีวิตมีค่า ขอบคุณที่ช่วยน้องครับ ขอให้พบแต่สิ่งดี ๆ เข้ามาในชีวิตครับ” “เสี่ยงมากแต่ก็เสียสละมาก ลุ้นตามจนเกร็งเลย” @kitsanaprntamaดีนะช่วยน้องไว้ทันไม่งั้นเเย่เลย🥰🥰🥰 ♬ เสียงต้นฉบับ – Kitsana Prntama […]