กระทู้พันทิป

Advertisement เรียกว่า การได้รับเงินเดือนที่มากขึ้น ก็ช่วยยกระดับชีวิตให้ดีขึ้นได้ แต่อีกมุมนึง ก็ทำให้คนเงินเดือนเยอะมีความทุกข์ได้เช่นกัน Advertisement อย่างกรณีล่าสุด ของสมาชิก Pantip หมายเลข สมาชิกหมายเลข 5094026 ที่ได้ออกมาตั้งกระทู้ ปรึกษาปัญหาทุกข์ใจ เหลือเงินใช้จริง น้อยกว่าที่คิดเอาไว้ โดยระบายไว้ว่า “เพิ่งเงินเดือน 80,000 ครั้งแรก เจ็บปวดมากครับ!! ผมเพิ่งได้ offer มาจาก บ. นึง เงินเดือนเพิ่มจาก 60,000 -> 80,000 แต่พอคำนวณหักภาษีแล้ว เหลือใช้จริงๆแค่ 70,000 ครับ โดนหักเยอะมากกกก หลาย ๆ ท่านที่เงินเดือนเข้าสู่ฐานรายได้ที่เสียภาษี 20% มีวิธีจัดการยังไงบ้างครับ ปัจจุบันผมมีแค่ดอกเบี้ยบ้านที่พอเอามาลดหย่อนได้ นอกนั้นมีแค่พื้นฐานเลยครับ หักค่าใช้จ่าย 100,000 ลดหย่อนส่วนตัว 60,000 ประกันสังคม 9,000 ดอกเบี้ยบ้านประมาน 80,000 เหมือนจะอัพเยอะ แต่เหลือใช้จริงน้อยกว่าที่คิดไว้ครับ (ย้ายงาน ความรับผิดชอบเพิ่มพอสมควร […]

31 ก.ค. 66 สมาชิกรายหนึ่งได้ตั้งกระทู้ปรึกษาปัญหาความรัก หลังจากเธอต้องเลิกรากับแฟนเพราะเงินเดือนที่ต่างกันเกินไป โดยสาวเจ้าของกระทู้เล่าว่า เธอมีเงินเดือน 12,000 ส่วนแฟนเป็นโปรเจคเมเนเจอร์เงินเดือนเกือบ 100,000 บาท ซึ่งแฟนของเธอได้ซื้อบ้านและขอให้เธอช่วยค่าใช้จ่ายเดือนละ 5,000 บาท นอกจากนี้เธอต้องทำงานบ้าน ทำอาหาร ทำทุกอย่างในบ้านฝ่ายเดียว ต่อมาแฟนได้ตำหนิเธอว่า “ไม่ยอมพัฒนา ทำงานมา 3 ปีแต่เงินเดือนยังเท่าเดิม” จะไปไหนมาไหนก็ต้องรอเงินเดือนของเธอ (เพราะเธอมักหารค่าใช้จ่ายด้วย) ถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไปเห็นทีพวกเธอคงอยู่ด้วยกันไม่ได้ ตอนนี้เธอรู้สึกเครียดมาก ไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไปเพื่อจะได้ไม่โดนเปรียบเทียบ โดยแฟนของเธอไม่ชอบให้เถียง ซึ่งบางครั้งเธอเพียงอยากอธิบาย สุดท้ายเรื่อก็จบลงที่การทะเลาะ และแฟนขอเลิกกับเธอ เธอจึงอยากปรึกษาทุกคนว่ามีความคิดเห็นอย่างไรบ้าง หรือผิดที่เธอยังดีไม่พอสำหรับเขา ด้านคำแนะนำของชาวเน็ตมีหลากหลาย ส่วนใหญ่แนะนำว่า “ไม่ไหวอย่าฝืน” เพราะชีวิตดูไปกันไม่ได้เลย แฟนควรซัพพอร์ตเจ้าของกระทู้มากกว่านี้ เงินเดือนเจ้าของกระทู้เพียงหนึ่งหมื่นต้น ๆ แต่ต้องเจียดไปช่วยค่าใช้จ่าย ซึ่งถือเป็นเงินเกือบครึ่งของเงินเดือน ทั้ง ๆ ที่แฟนสามารถจ่ายในตรงนี้ได้ ดังนั้นแยกย้ายกันดีกว่า นอกจากนี้ เจ้าของกระทู้อย่าด้วยค่าตัวเอง และมุ่งไปที่การพัฒนาตัวเองดีกว่า ต่อให้เธอจะเลิกกับแฟนคนนี้ไปแล้ว แต่การพัฒนาตัวเองจะเป็นทักษะที่ดีและคอยส่งเสริมเราอยู่เสมอ   ข่าวจาก : ข่าวสด

30 มิถุนายน สมาชิกรายหนึ่งได้ตั้งกระทู้พันทิปเพื่อปรึกษาปัญหาครอบครัวว่า เธอเป็นลูกคนเดียว ปัจจุบันอายุ 33 ปี (แต่งงานแล้ว) ส่วนแม่อายุ 78 ปี ยังคงแข็งแรง ดูแลตัวเองและขับรถได้ พวกเธอมีกันสองคนแม่ลูก เพราะแม่หย่ากับพ่อ ซึ่งแม่ไม่ได้ทำงานมาหลายสิบปีแล้ว ลักษณะนิสัยแม่เป็นคนสันโดษ ไม่คบหาเพื่อนฝูงและไม่มีสามีใหม่ หลังจากเรียนจบ เธอก็เป็นฝ่ายดูแลและให้เงินเดือนแก่แม่ทุกเดือน แต่เมื่อปีก่อน เธอได้งานที่ต่างประเทศ เป็นงานที่ดีและเงินเดือนเยอะกว่าตอนอยู่ไทยสามเท่า ซึ่งเธอได้จัดเตรียม พยายามทำทุกอย่างที่จะทำให้แม่อยู่คนเดียวได้อย่างสบาย ๆ ทั้งซื้อรถ ซื้อบ้านใหม่ ติดกล้องวงจรปิดในบ้าน ของใช้ภายในบ้านก็มีโน้ตเขียนวิธีการใช้แปะไว้ ค่าใช้จ่ายอะไรต่าง ๆ เธอก็จ่ายให้ และโอนเงินเดือนให้แม่ตามปกติ ปัจจุบันเธออยู่ต่างประเทศได้สามเดือนแล้ว โทรหาแม่ทุกวัน แม่บ่นเหงา แต่พอเธอแนะนำให้แม่ไปพบเจอหรือคุยเล่นกับญาติแม่ก็ไม่อยากทำ จะจ้างแม่บ้านมาช่วยงานและอยู่เป็นเพื่อน แม่ก็ไม่ชอบ แม่ไม่ไว้ใจใคร ถึงขั้นที่ว่ายามที่ต้องไปหาหมอ แม่ก้ไม่ยอมไป โดยบอกว่าไปเองไม่เป็นและไม่อยากไปคนเดียว เวลามีปัญหาต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ แม่มักจะรอเธอมาจัดการเสมอและเอาแต่พูดว่า “ให้ลูกกลับไทยมาทำให้หน่อย” ซึ่งคำนี้ได้ยินเมื่อไร เธอก็รู้สึกกดดันและเป็นห่วงแม่หลือเกิน ทุกวันนี้เธอกลุ้มใจมาก เธอไม่ได้ลางานและกลับไทยบ่อย เป็นไปได้ว่าอาจจะใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ตลอดไปด้วยซ้ำ เพราะเธอแต่งงานมีสามีต่างชาติ […]

20 พ.ค. ที่ผ่านมา สมาชิกหมายเลข 7560604 ได้ตั้งกระทู้ปรึกษาปัญหาชีวิตว่า มีรุ่นพี่คนหนึ่งชอบให้เขาพาไปทำธุระ ซึ่งธุระดังกล่าวเขาไม่ได้เกี่ยวข้องอะไร แถมยังต้องช่วยออกค่าใช้จ่ายค่าเดินทางให้อีก! โดยรุ่นพี่คนนี้ค่อนข้างสนิทกันพอสมควร เขาไม่ได้มีรถยนต์ส่วนตัว แต่รุ่นพี่มีรถยนต์ เขาจึงบอกรุ่นพี่ว่าถ้าจะให้ไปทำธุระเป็นเพื่อน ช่วยขับรถมารับเขาหน่อย ซึ่งรุ่นพี่ตอบมาว่า “ถ้าให้ไปรับก็เติมน้ำมันให้หน่อย” พร้อมอ้างเหตุผลว่า บ้านเขาอยู่ไกล ต้องขับรถย้อนไป-มา เปลืองน้ำมัน หลังจากได้ยินเหตุผลข้างต้น เขารู้สึกว่ามันค่อนข้างย้อนแย้ง มันไม่ใช่เรื่องที่เขาจะต้องมาเสียเงินเติมน้ำมันเสียหน่อย เขาจึงตอบรุ่นพี่ไปว่า เขาไม่มีเงินเติมให้หรอก รุ่นพี่จึงแก้ปัญหาด้วยการบอกให้เขานั่งรถไปหา หากเขาทำเช่นนี้ เขาต้องเสียค่ารถไป-กลับเอง ทั้ง ๆ ที่มันไม่ใช่เรื่องที่เขาต้องมาเสียเงิน พารุ่นพี่คนนี้ไปทำธุระทีไร ใช้จ่ายมากกว่า 500 บาทตลอด ทำให้เขาเริ่มไม่อยากไปไหนมาไหนกับรุ่นพี่แล้ว เขาควรทำอย่างไรดี ด้านความคิดเห็นชาวเน็ตแนะนำว่า เจ้าของกระทู้ไม่ได้ผิดอะไร ครั้งหน้าควรปฏิเสธรุ่นพี่ แต่หากรุ่นพี่ยังคงตื้อ แนะให้เจ้าของกระทู้เรียกเงิน เพราะรุ่นพี่ยังกล้าเรียกค่าใช้จ่ายในสิ่งที่ไม่ควรเรียกเลย หากจะเรียกบ้างก็คงไม่ผิด และการเรียกเก็บเงินคงจะทำให้รุ่นพี่ตระหนักอะไรได้บ้าง   ข่าวจาก : ข่าวสด

12 มีนาคม ที่ผ่านมา สมาชิกพันทิปหมายเลขหนึ่งได้ตั้งกระทู้ถึงปัญหาการเลี้ยงลูกของคนไทย โดยระบุว่า สมัยเรียนเขาเคยเจอเด็กคนหนึ่ง อายุประมาณ 10 ขวบ แม่ให้เงินใช้วันละ 1,000 บาท เขาอยากรู้มากว่าพ่อแม่ของเด็กคิดอะไรอยู่ เด็กในสังคมชนชั้นกลางก็มีเงินหลักหมื่น มีของเล่นราคาแพงและไม่น่าจะหามาได้เอง เขามองว่าการให้เงินใช้จำนวนมากเหมือนเป็นการสปอยล์เด็กอย่างหนึ่ง พร้อมตั้งคำถามว่านี่เป็นการเลี้ยงลูกแบบถูกทาง หรือ ผิดทาง และการสปอยล์เรื่องเงินก็อาจเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เด็กไทยส่วนใหญ่คิดอะไรเองไม่เป็นและเจ้าอารมณ์ เรียกได้ว่ากระทู้ได้รับการพูดถึงมากมาย ทั้งทางเฟซบุ๊กและในเว็บไซต์พันทิปเอง ส่วนใหญ่มองว่า หากผู้ปกครองอยู่ในฐานะที่พร้อมจะจ่ายให้ลูกได้ มันก็ไม่ใช่เรื่องที่เราจะไปใส่ใจ เด็กจะถูกสปอยล์หรือไม่ ต้องดูพฤติกรรมการเข้าสังคมและการอบรมสั่งสอนของพ่อแม่ การให้เงินลูกมากหรือน้อยไม่เกี่ยวกันเท่าไหร่นัก   ข่าวจาก : ข่าวสด

27 ก.พ. 66 สมาชิกหมายเลข 7438773 ได้ตั้งกระทู้ปรึกษาปัญหาความรัก โดยเล่าว่า เธอกับแฟนได้ดูฤกษ์แต่งงานเรียบร้อยแล้ว แต่อยู่ ๆ แฟนดันบอกว่า “หมดใจ ไม่รักเธอเหมือนเดิมแล้ว” เธอควรทำอย่างไรดี เพราะไม่อยากเลิกกับเขาจริง ๆ เธอได้ขอเวลาเขา 1 เดือนแล้วค่อยคุยเรื่องนี้ อยากให้เวลาเขาได้คิดทบทวน และเวลาให้เธอได้ปรับตัว เผื่อเขาจะกลับมารักเธอเหมือนเดิม ตอนนี้เธอยังคงไปบ้านเขาตามปกติ เพียงแต่เขาไม่ค่อยสนใจเธอเหมือนเดิม และอีกหนึ่งเหตุผลคือ พวกเธอประกาศเรื่องงานแต่งไปแล้ว คนรับรู้ พิธีกรก็ติดต่อไว้แล้ว ซึ่งเขาบอกกับเธอว่า เขาเครียดมาก ไม่รู้จะเลือกทางไหน หากให้เธอยอมรับและหาแฟนใหม่ เธออายุจะ 30 แล้ว ก็หวั่นว่าจะหายาก จึงมาตั้งกระทู้ขอคำปรึกษาว่าพอมีวิธีแนะนำไหม ด้านความคิดเห็นชาวเน็ตส่วนใหญ่แนะนำว่า ให้ถอยออกมาด้วยกันทั้งคู่ อย่าดึงดันแต่งงาน อนาคตเป็นสิ่งไม่แน่นอน คนหมดใจก็คือหมดใจ ยังดีที่ฝ่ายชายรู้ตัวก่อน ทั้งนี้หากต้องการยื้อจริง ๆ ให้ลองเปิดใจคุยกันอีกครั้ง แต่ถ้าสุดท้ายผลออกมาเหมือนเดิมก็ไม่ควรฝืนใจกันต่อไป และไม่ต้องไปสนใจคำพูดของคนอื่น ให้ยึดตัวเราเป็นหลัก   ข่าวจาก : ข่าวสด

18 กุมภาพันธ์ 66 สมาชิกหมายเลข 7149289 ได้ตั้งกระทู้ปรึกษาเรื่องการซักชุดชั้นใน ที่เธอได้ฝากร้านซักรีดซักให้ แต่พอเธอไปพูดให้ใครฟัง พวกเขากลับหัวเราะซะงั้น โดยสาวเจ้าของกระทู้เล่าว่า เธอทำงานไม่ค่อยมีเวลาว่าง ซึ่งเธอพักอยู่ที่คอนโด แดดไม่ค่อยมี เวลาซักผ้าใช้เวลา 2-3 วันกว่าจะแห้ง เธอจึงแก้ปัญหาด้วยการส่งร้านซักรีด สิ่งที่ส่งซักมีทั้ง เสื้อผ้า ผ้าห่ม รองเท้า รวมถึงชุดชั้นใน พอเธอพูดเรื่องร้านซักผ้าให้เพื่อนร่วมงานฟัง เพื่อนก็มีท่าทีงุนงงว่า ร้านรับซักชุดชั้นในด้วยหรือ เธอตอบว่ารับเพราะเธอยังส่งให้ร้านซักอยู่เลย จากนั้นเพื่อนก็พากันหัวเราะแล้วถามเธอกลับว่า เอาชุดชั้นในไปให้ร้านซัก ไม่อายเหรอ? เธอจึงมาตั้งกระทู้เพื่อปรึกษาว่า การให้ร้านซักชุดชั้นในให้ มันเป็นเรื่องน่าอายมากหรอ สำหรับเรื่องนี้ ชาวเน็ตให้ความเห็นหลายแง่มุม ในส่วนแรกมองว่า ถ้าร้านยินดีที่จะซักชุดชั้นในก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เจ้าของกระทู้ไม่ต้องคิดมาก ถ้าหากร้านไม่รับแล้วเธอยังฝืนส่งชุดชั้นในให้ร้าน แบบนี้จะแปลกมากกว่า ทั้งนี้ หลายคนมองว่าชุดชั้นในถือเป็นของใช้ส่วนตัว นอกจากจะเป็นห่วงเรื่องความสะอาดแล้ว หลายคนคงไม่สะดวกใจที่จะจับชุดชั้นในของคนอื่นเช่นกัน   ข่าวจาก : ข่าวสด

20 ก.พ. 66 สมาชิกหมายเลข 6340005 ได้ตั้งกระทู้เล่าเหตุการณ์ชวนโมโห หลังจากเธอเจอสามีภรรยาคู่หนึ่งทำพฤติกรรมสุดย่ำแย่กับพนักงานร้านกาแฟ ซึ่งเธอรับไม่ได้อย่างมาก จนถึงขั้นลุกไปฉะแทนพนักงาน สาวเจ้าของกระทู้เล่าว่า เหตุเกิดที่ร้านกาแฟแบรนด์ดังที่ตลาดโกสุมรวมใจ เขตดอนเมือง มีสามีภรรยาคู่หนึ่งได้เข้ามาสั่งน้ำที่ร้านกาแฟ โดยภรรยาสั่งชาเขียวเย็น 1 แก้ว แต่ขอแบบไม่ใส่น้ำแข็ง โดยทางร้านได้จัดเตรียมสูตรชงน้ำตามปกติและคิดราคาเท่าเครื่องดื่มเย็นทั่วไป โดยใส่ผงชาเขียวเท่าเดิม ชงออกมาได้ 12 ออนซ์ตามปริมาณปกติ แต่เมื่อเทชาเขียวลงแก้ว จะได้ชาเขียวเพียงครึ่งแก้วเท่านั้น เพราะไม่ได้ใส่น้ำแข็ง ทั้งนี้ หลังจากภรรยาเห็นชาเขียวก็รู้สึกหงุดหงิดใส่พนักงาน ภรรยาเดินมานั่งที่โต๊ะ ดูดชาเขียว 2-3 อึก แล้วก็ลุกพรวดเอาแก้วไปกระแทกที่เคาน์เตอร์ ต่อหน้าต่อตาพนักงานที่ทำเครื่องดื่ม ด่าด้วยคำหยาบว่า ร้านไม่ได้อบรมเรื่องมาตรฐานในการบริการลูกค้าเหรอ เวลาสั่งน้ำก็ได้เต็มแก้วทุกครั้ง แต่ทำไมครั้งนี้ได้แค่ครึ่งแก้ว โกงผู้บริโภคหรือเปล่า แถมด่าลามไปถึงบุพการีว่าไม่ได้สั่งสอนเรื่องความซื่อสัตย์ และขู่ว่าเตรียมตกงานทั้งร้าน จะเอาความถึงที่สุด ไปร้องสคบ.คุ้มครองผู้บริโภค หลังจากที่เจ้าของกระทู้ได้ยินลูกค้ารายนี้ด่าพนักงาน เธอรู้สึกสงสารพนักงานเป็นอย่างมาก ซึ่งพนักงานได้แต่ก้มหน้ากุมมือตัวเอง มีเสียงสะอื้นและร้องไห้นิด ๆ เธอจึงเข้าไปฉะกับลูกค้ารายนี้ เกือบได้ลงไม้ลงมือ แต่สามีของลูกค้าได้พาตัวออกไปจากร้านเสียก่อน ในโชคร้ายยังมีโชคดี ผู้จัดการร้านกาแฟแห่งนี้ดูแลพนักงานดีมาก และดูเหมือนว่าผู้จัดการจะไม่อยากไว้หน้าลูกค้าคนนี้ จะดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด เธอจึงมาเล่าเหตุการณ์ให้ฟัง […]

14 ก.พ. ที่ผ่านมา สมาชิกหมายเลข 7400337 ได้ตั้งกระทู้ปรึกษาปัญหาการทำงาน โดยเล่าว่า เขาทำงานที่บริษัทขนาดเล็กแห่งหนึ่ง ซึ่งไม่ค่อยมีระบบระเบียบเท่าไหร่นัก แต่เลือกทำงานที่บริษัทแห่งนี้เพราะว่าอยู่ใกล้บ้าน หลังเลิกงาน เขาต้องนำงานกลับมาทำที่บ้านทุกวัน มันเป็นแบบนี้อยู่ 3 เดือน ตอนนี้รู้สึกเครียดมาก เขาได้บอกปัญหาให้หัวหน้าฟังแล้ว แต่หัวหน้าตอบกลับมาว่า ถ้าให้เอางานมาทำตอนเช้า เกรงว่าจะไม่ทันส่งแผนงาน เลยให้ลูกน้องเอางานกลับไปทำที่บ้านแทน ในบางครั้งที่เขาทำงานผิด หัวหน้าก็ส่งไลน์มาหาให้แก้งานตอน 3-4 ทุ่ม เขาไม่โอเคกับเรื่องเหล่านี้เพราะตอนสัมภาษณ์ ทางบริษัทไม่ได้ชี้แจงว่าต้องมีการเอางานกลับไปทำที่บ้านด้วย ตอนนี้เขาเครียดมาก เพราะเลิกงานแล้วก็อยากพักสมอง ถ้าลาออกเพราะเหตุผลแค่นี้ จะดูเป็นคนขี้แพ้เกินไปไหม? ด้านความคิดเห็นชาวเน็ตแนะนำว่า หากเกิดขึ้นนาน ๆ ครั้งถือว่าไม่ค่อยแปลก เพราะอาจเป็นงานด่วน แต่ถ้าให้ทำทุกวันถือว่าผิดปกติ ถ้าใช้แรงงานเกินกว่ากฎหมายที่กำหนดแต่ไม่ได้ค่าจ้างเพิ่มก็เท่ากับว่าผิดกฎหมายแรงงาน นอกจากนี้ การลาออกไม่ใช่เรื่องผิดและไม่ได้เป็นคนขี้แพ้ เพราะทางบริษัทไม่ได้ให้ทำงานตามที่ตกลงไว้ ระหว่างที่รอลาออกก็หางานใหม่ คนเราต้องรักษาสิทธิ์ เลือกรักษาร่างกายและสุขภาพจิตของตัวเอง   ข่าวจาก : ข่าวสด

11 ก.พ. ที่ผ่านมา สมาชิกหมายเลข 6392772 ได้ตั้งกระทู้ว่า วันนี้ขึ้นแท็กซี่ 3 ครั้ง เจอคนขับชวนคุยทั้ง 3 ครั้ง ถามแบบไม่หยุด จึงสงสัยว่าทำไมแท็กซี่ที่กรุงเทพฯถึงชอบชวนผู้โดยสารคุย นั่งเงียบ ๆ ไม่ได้หรือ แล้วที่ต่างประเทศ คนขับชอบชวนคุยแบบที่ไทยหรือไม่ ด้านความคิดเห็นชาวเน็ต บางส่วนก็เสนอถึงเหตุผลที่แท็กซี่ชวนคุยว่า อาจแก้ง่วง หรือขับรถมาทั้งวัน ก็อยากระบาย อยากพูดบ้าง หรืออยากลดความอึดอัดระหว่างผู้โดยสารกับคนขับ ส่วนที่ถามว่าต่างประเทศเป็นหรือไม่ บอกได้เลยว่าแล้วแต่ประเทศ หากเจ้าของกระทู้ไม่อยากตอบกลับจริง ๆ ก็ลองเงียบ ๆ ไม่ค่อยตอบ หรือใส่หูฟังนั่งฟังเพลง เผื่อคนขับจะเงียบลงไปเอง   ข่าวจาก : ข่าวสด