โซเชียลแฉครูพละหญิง มาสอน 2 วันต่อสัปดาห์ ซ้ำได้ขึ้นเงินเดือนปกติ

Advertisement จากกรณีเพจแห่งหนึ่งโพสต์ข้อความถึงโรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี โดยอ้างว่า “ครูพละ ลาสัปดาห์ละ 3 วัน ผอ.อนุญาต ครูพละหญิงลาหยุดสัปดาห์ละ 3 วัน มาสอนจริงแค่ 2 วัน คือวันอังคารและพฤหัสบดี แต่ให้เซ็นชื่อย้อนหลังได้ปกติ โดยทำมาแล้วร่วมปี แถมได้ขึ้นเงินเดือนปกติแบบครูท่านอื่น ซึ่งครูสาวคนนี้จะโอนเงินมาให้ ผอ.ส่วนตัวเป็นค่าจ้างสอนแทน แต่ผอ.ก็จ้างคนนอกมาและยังขอเบิกงบจากโรงเรียนเพิ่มอีกด้วย” จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์และเป็นที่สนใจของสังคมเป็นจำนวนมากนั้น Advertisement Advertisement ล่าสุดวันที่ 16 ต.ค.67 ทางผู้สื่อข่าวได้ติดต่อประสานไปทางโรงเรียนดังกล่าว เพื่อขอคำชี้แจงจากท่านผู้อำนวยการโรงเรียน ซึ่งทางโรงเรียนแจ้งกลับมาว่า ทางผู้อำนวยการยังไม่สะดวกให้ข้อมูลในตอนนี้ เพราะยังอยู่ในขั้นตอนการดำเนินการรายงานให้กับหน่วยงานต้นสังกัดอยู่ ส่วนข้อมูลข้อเท็จจริงต่างๆ ทางโรงเรียนจะแถลงผ่านเพจเฟซบุ๊กของทางโรงเรียนเท่านั้น.   ข่าวจาก : ไทยรัฐออนไลน์

ผอ. แจงดราม่าครูขาดสอน แต่กินเงินหลวงฉ่ำ โดนสั่งสอบแล้ว อยู่ระหว่างรอผลสรุป

12 ก.ย. 2567 จากกรณีเพจ “ปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้าน” ได้โพสต์รูปภาพพร้อมระบุข้อความว่า “ขาดราชการ 60 วัน นอนกินเงินเดือนฉ่ำ เรื่องมีอยู่ว่า ครูสอนสังคมเด็กชั้นประถมของ รร.เทศบาลวัดไทรอารีรักษ์ (มณีวิทยา) จ.ราชบุรี ตั้งแต่เปิดภาคเรียนวันที่ 13 พฤษภาคม 2567 จนถึงวันนี้ ขาดราชการไปแล้ว 60 วัน นอนอยู่บ้านกินเงินหลวงฉ่ำ วันไหนอยากมาสอนก็มา ถ้าไม่มีสอนก็หายตัว บางวันสอนเสร็จกลับบ้านเช้ามาบ่ายหาย หรือบางวันแอบย่องมาสแกนนิ้วตอนเย็นทีเดียว” โดยหลังจากที่โพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ได้มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์กันเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบกับ นายประมวล พฤฑฒิกุล ผู้อำนวยการโรงเรียนเทศบาลวัดไทรอารีรักษ์ (มณีวิทยา) อ.โพธาราม จ.ราชบุรี เพื่อสอบถามข้อเท็จจริง โดย ผอ.รร. ได้นำเอกสารประวัติและข้อมูลกองโตให้ผู้สื่อข่าวได้ดู พร้อมกับเปิดเผยว่า เดิมที ครูกอ (นามสมมติ) เป็นครูในสังกัดกรุงเทพมหานคร กระทั่งปี 2563 ได้ขอโอนย้ายมาที่โรงเรียนเทศบาลวัดไทรฯ ด้วยพฤติกรรมที่ขาดงานบ่อย ทำให้ปี 2564 ทางเทศบาลเมืองโพธาราม ซึ่งเป็นหน่วยงานต้นสังกัด […]

สัมภาษณ์งาน ไม่แนะนำตัว ให้ดูตามเอกสารที่ส่งมา ถาม ‘ถ้าคิดว่าทำไม่ได้ เรียกมาทำไม’

กลายเป็นฮือฮาบนโลกโซเชียล เมื่อผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์ข้อความเล่าเรื่องราวการสัมภาษณ์งานเด็กใหม่ โดยข้อความสนทนาระบุว่า “สัมภาษณ์งานวันนี้ ผม : แนะนำตัวหน่อยครับ น้อง : ตามเอกสารที่ผมส่งมาเลยครับ ผม : ได้หาข้อมูลบริษัทพี่มาก่อนหรือเปล่าครับ น้อง : ไม่ว่างเลยยังไม่ได้ดูครับ ผม : (เล่าเรื่องออฟฟิศให้ฟัง) เคยทำด้านนี้มาบ้างหรือเปล่าครับ น้อง : ไม่เคยครับ ผม : แล้วคิดว่าทำได้หรือเปล่า เพราะเห็นเรียกเงินเดือนมาสูง น้อง : ถ้าคิดว่าผมทำไม่ได้แล้วเรียกมาสัมภาษณ์ให้เสียเวลาทำไมครับ ผม : !?! งั้นขอจบการสัมภาษณ์นะครับ รู้สึกผิดที่ไม่ศึกษาข้อมูลผู้มาสมัครงานให้ดี อยู่ๆ ก็อยากทำระบบแชร์ข้อมูลผู้สมัครงาน ส่วนมากน่ารัก … แต่แบบนี้ก็ไม่น้อย” อย่างไรก็ตาม เมื่อโพสต์ดังกล่าวถูกแชร์ออกไปจำนวนมาก มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็น อาทิ เจอแบบนี้ ในหัวพี่กำลังคิดว่า น้องคนนี้โตมาแบบไหน ใช้ชีวิตมาได้ยังไงหว่า… มีสิทธิ์เสี่ยงตายสูงมาก, ผมได้ยินมาว่ารุ่นหลังcovidหลายคน ตกสัมภาษณ์ด้วยทัศนคติแบบนี้หรือบางคนเจ้าไปทำจริงแต่ก็ต้องออกเพราะเข้ากับคนไม่ได้ ต่อให้skillถึงก็ตามในบางเคส….คงจริงซินะครับนิ, คนรุ่นใหม่, ใจมันได้, […]

รถกระบะ 5 ปี วิ่งไปแล้ว 1.5 ล้านกิโลเมตร เผยที่มาความอึด ฟังแล้วร้องอ๋อ

เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวสุดฮือฮา เมื่อผู้ใช้ TikTok @max_turbo_timer ได้ออกมาโพสต์คลิปสุดอึ้ง หลังได้พบกับคุณลุงเจ้าของรถกระบะคันหนึ่ง ซึ่งหลังจากการสอบถามพบว่า รถกระบะคันนี้อายุ 5 ปี แต่วิ่งไปแล้ว 1.5 ล้านกิโลเมตร ก่อนเผยที่มาความอึด ฟังแล้วร้องอ๋อทันที โดยผู้โพสต์ระบุข้อความว่า “สุดเกินลุง #toyota #hilux #โตโยต้า #รีโว่ #ตู้ทึบ” พร้อมกับระบุในคลิปว่า “คันนี้ขับไป 1,500,000 กม.” ซึ่งจากคลิปจะเห็นว่า ผู้โพสต์ได้ถ่ายสภาพภายในรถกระบะคันหนึ่ง โดยหน้าปัดเรือนไมล์ของรถกระบะคันดังกล่าว ตัวเลขคือ 999,999 ซึ่งเป็นตัวเลขที่ไม่สามารถขับไปข้างหน้าได้อีกแล้ว ก่อนจะสอบถามลุงเจ้าของรถว่า “รถปีไหน” ซึ่งลุงเจ้าของรถก็บอกว่า “รถปี 2018” ทั้งนี้ หลังจากเรื่องราวดังกล่าวถูกแชร์ออกไป สร้างเสียงฮือฮาในโลกออนไลน์อย่างหนัก โดยได้มีชาวเน็ตเข้ามาให้ความสนใจและคอมเมนต์กันเป็นจำนวนมาก ซึ่งหลายคนต่างพากันสงสัยว่า เป็นเรื่องจริงหรือไม่ เพราะถ้าวิ่ง 1.5 ล้านกิโลเมตรจริง ลุงต้องขับวันละกว่า 800 กิโลเมตร เลยทีเดียว อย่างไรก็ตาม ผู้โพสต์ได้เข้ามาตอบคำถามดังกล่าวว่า ลุงเจ้าของรถ ขับรถตู้แช่ วิ่งส่งของลงใต้ […]

สัสดียืนยันยังไงก็ต้องมารายงานตัว ปีต่อไปไม่ต้องมา หลังมีข่าวแม่พาลูกป่วยติดเตียงมาเกณฑ์ทหาร

กลายเป็นเรื่องราวดราม่าที่ถูกพูดถึงอย่างมากในโลกออนไลน์ เมื่อ คุณแม่ของ “น้องอ็อฟ ธนกฤต” อดีตนักแสดงหนุ่ม พาลูกชายป่วยติดเตียง เดินทางมาหน่วยรับเลือกทหารกองเกิน หลังสัสดีอำเภอยืนยันต้องพามาให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทำการตรวจร่างกาย สร้างความหดหู่ให้กับผู้ที่พบเห็น จนเกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงประเด็นดังกล่าวเป็นจำนวนมาก ล่าสุดเมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 8 เม.ย. 2566 น.ส.ดวงกมล วุฒิโรธง อายุ 49 ปี แม่ของนายธนกฤต วุฒิโรธง อายุ 21 ปี นักแสดงหนุ่มในภาพยนตร์เรื่อง 16 ห้าว 19 เดือด ซึ่งถูกสาวเมาสุราขับรถชนจนต้องรักษาตัวในสภาพหมดสติคล้ายกับเป็นเจ้าชายนิทรามาเกือบปี หลังทราบว่าเช้าวันนี้ต้องนำลูกชายในสภาพไม่รู้สึกตัวขึ้นรถ 1669 ไปยังหน่วยรับเลือกทหารกองเกิน เพื่อเป็นทหารกองประจำการอำเภอเมือง จ.ลำพูน สร้างความหดหู่ให้กับผู้ที่เข้ามาคัดเลือกและชมการคัดเลือกจำนวนมาก แม่นักแสดงหนุ่ม เผยว่า ลูกชายเป็นนักแสดงภาพยนตร์เรื่อง 16 ห้าว 19 เดือด เมื่อเกือบปีที่ผ่านมาลูกชายกลับมาบ้านและกำลังขี่จักรยานยนต์ไปโปรโมตหนังร่วมกับเพื่อนๆ ที่จังหวัดเชียงใหม่ ต่อมาถูกสาวเมาสุราขับเก๋งมาชนท้ายรถจักรยานยนต์ของลูกชายจนเจ็บสาหัส นอนรักษาอยู่ไอซียูหลายเดือน ต้องมารักษาตัวต่อที่บ้านซึ่งสร้างเป็นห้องปลอดเชื้อในสภาพเหมือนคนไม่รับรู้อะไร ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ ปัจจุบันหมดเงินค่ารักษาไปกว่า 3 […]

ไม่ห้ามไม่ได้จริงๆ! หมอสั่งญาตติที่ตลกห้ามเยี่ยมคนไข้ เหตุคนไข้เคยหัวเราะจนแผลแยก

26 กุมภาพันธ์ 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลายเป็นเรื่องราวเรียกรอยยิ้มในโลกออนไลน์ เมื่อ พ.ต.ท.นพ.อรัณ ไตรตานนท์ กลุ่มงานสูตินรีเวชกรรม โรงพยาบาลตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เจ้าของแฟนเพจ อรัณ ไตรตานนท์ โต๊ะทำงาน ได้โพสต์ภาพ พร้อมข้อความระบุว่า คุณพยาบาลโทรศัพท์มาตาม อาจารย์คะ คนไข้ที่ผ่าตัดเพื่อนมาเยี่ยม คงคุยเรื่องตลกกันค่ะ คนไข้หัวเราะเยอะเกิน ตอนนี้แผลแยกค่ะอาจารย์ เรียนท่านผู้มีอุปการะคุณโปรดทราบ นะคะนะคะนะคะ ช่วยเอามือห่อลำไส้ไว้นะ แล้วไปเย็บแผลกันเอง ชิส์ หัวจะปวด อยากหยุมหัว อิเพื่อนมาก ณ จุดนี้ !!! ญาติที่ตลก งด เยี่ยม ตามนั้นคือ… จบ หลังจากเรื่องราวดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ต่างก็มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นและแชร์ประสบการณ์เป็นจำนวนมากว่า เหมือนเห็นตัวเองที่ต้องพยายามกลั้นขำ เวลาเจอเรื่องตลก หรือต้องกลั้นจามบ่อยครั้ง หลังจากผ่าตัดใหม่ๆ ทั้งนี้ บางส่วนก็บอกว่า เข้าใจจริงๆ ค่ะ มีคนมาเยี่ยมเรา อยากสร้างความบันเทิงให้เรา เราขำทีสะเทือนแผลมาก ต้องพยายามอึ๊บขำไว้ (เพิ่งผ่ามาสดๆ เช่นกัน). […]

ผู้โดยสารโวย ยาสีฟันเกิน100มล.จนท.ให้ทิ้ง เอาขึ้นเครื่องบินไม่ได้ ทั้งที่เหลือค่อนหลอด

(29 พ.ย.) กลายเป็นประเด็นบนโลกออนไลน์หลังจากที่มีผู้ใช้บัญชีเฟซบุ๊กรายหนึ่ง ระบุข้อความเล่าเหตุการณ์ใจความว่ากำลังจะเดินทางขึ้นเครื่องบินแต่มีการพกยาสีฟันขนาด 120 มล.ขึ้นบนเครื่องบิน แล้วทางจนท.ไม่อนุญาตให้ขึ้นเพราะเป็นไปตามกฎของท่าอากาศยานไทย แต่เจ้าของโพสต์ยืนยันว่าใช้ไปปริมาณหนึ่งแล้ว แล้วปริมาณเหลือไม่เท่าไหร่ จึงทำให้เกิดการพูดคุยและเจรจากัน ชายคนดังกล่าวจึงนำมาโพสต์เล่าเรื่องราวจนทำให้มีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมากเกี่ยวกับประเด็นนี้ โดยเจ้าของโพสต์ระบุข้อความว่า “ไม่ได้ร้องเรียนเรื่องสนามบินฯ..แค่บ่น วันนี้อาทิตย์ที่ 27 พฤศจิกายน 2565 ผมบินจากหาดใหญ่กลับกรุงเทพฯเวลา 10.30 น.โดยไม่มีกระเป๋าโหลดแบกเพียงเป้ใบเล็กที่บรรจุเสื้อผ้า และชุด Toilet kit ไว้ พอเป้ผ่านเครื่องเอ็กซเรย์เท่านั้นก็เป็นเรื่อง เจ้าหน้าที่ขอตรวจเป้เจอหลอดยาสีฟันขนาดบรรจุ 120 มล. เธอขอให้ผมนำไปโหลดลงใต้ท้องเครื่อง ไม่ยินยอมให้ใส่เป้แบกไว้กับตัว เจรจากับเธอว่ายาสีฟันใช้ไปมากแล้วเหลือไม่เท่าไหร่ เธอก็ไม่ยินยอม ยืนยันว่าเป็นไปตามกฎการบิน แม้ผมอ้างว่าเรื่องของเหลวเกิน 100 มล.ก็ดี เรื่องการห้ามใช้โทรศัพท์มือถือก่อนเครื่องขึ้นก็ดี เป็นระเบียบเก่าที่เคยมีงานวิจัยออกมาว่าไม่เป็นปัญหา เธอก็ยังไม่ยอม คำแนะนำของเธอคือให้ผมบีบยาสีฟันออกจากหลอดจนหมด โดยหาภาชนะใส่แล้วนำยาสีฟันขึ้นเครื่องไปได้ แต่ต้องทิ้งหลอดเปล่าไว้ เนื่องจากหลอดมีปัญหาด้านขนาดบรรจุ ผมว่ามันขาดเหตุผลเกินไปหน่อย สุดท้ายต้องเรียกหัวหน้ามาคุย เราเจรจากันอยู่นาน เรียกเจ้าหน้าที่สายการบินมาร่วมเจรจาก็แล้ว ยกสารพัดแม่น้ำมาอธิบายก็แล้ว ทั้งหัวหน้าทั้งลูกน้องยังไม่ยินยอมอยู่ดี ผมถามหัวหน้าว่าที่ให้บีบยาสีฟันออกจนหมดจึงยอมให้นำยาสีฟันไปได้ แต่ห้ามนำหลอดเปล่าขึ้นเครื่องเด็ดขาด ผมถามว่าสรุปแล้ว ปัญหาอยู่ที่ไหนกันแน่ อยู่ที่ของเหลวเกิน 100 […]

น้ำตาแห่งความอัดอั้น อยากเรียนสายวิชาที่ชอบ แต่ที่บ้านให้เรียนอีกสาย

ผู้ใช้งาน TikTok บัญชี onanong.2007 ได้แชร์คลิปสุดบีบหัวใจ ของเพื่อนนักเรียนคนหนึ่ง ที่ไม่สามารถเรียนต่อในสายวิชาที่ตัวเองต้องการได้ เพราะพ่อแม่ต้องการให้ไปเรียนในอีกสายวิชา พร้อมบรรยายคลิปว่า “ชีวิต ม.3 พ่อแม่บังคับ”   โดยในคลิปจะเห็นได้ว่านักเรียนหญิงคนหนึ่งกอดเพื่อนและร้องไห้อย่างหนักมาก พร้อมตัดพ้อชีวิตกับเพื่อนๆ ซึ่งในคลิปยังได้บรรยายเพิ่มเติมอีกด้วยว่า “กับอนาคตของเด็กคนหนึ่ง ที่อยากเรียนต่อสายที่ตัวเองชอบ มันไม่ได้” นอกจากนั้นในคลิปก็ยังได้ยินเสียงของนักเรียนหญิงที่ร้องไห้พูดอีกด้วยว่า “เขาหาว่ากูจะไปหาผู้ชาย” หลังจากที่คลิปดังกล่าวได้ถูกแชร์ออกไป ก็เรียกว่ากลายเป็นไวรัลที่ถูกพูดถึงบนโลกออนไลน์กันอย่างมากมาย โดยมีผู้ที่เข้ามารับชมคลิปมากกว่า 1.7 ล้านครั้ง รวมไปถึงยังมีคอมเมนต์อีกมากมายที่เข้ามาให้กำลังใจน้องนักเรียนกันอย่างล้นหลาม ข่าวจาก : sanook

ชะตาสุดช้ำ เมียเป็นมะเร็ง ลูกก็ยังเล็ก โดนไล่ออก เพราะลางานบ่อย

ผู้ใช้ติ๊กต็อก @golf_army162 แชร์เรื่องราวชีวิตสุดสะเทือนใจ เมื่อต้องถูกให้ออกจากงาน เพราะขาดงานบ่อยเกินไป เนื่องจากเขาต้องกลับบ้านมาดูแลแฟนสาวที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งเต้านม และลูกน้อยวัย 6 เดือน ตัดพ้อชีวิตกำลังย่ำแย่ เหมือนโดนซ้ำเติม คนรักของชายหนุ่มคนนี้ ป่วยเป็นมะเร็งเต้านม เข้ารับการผ่าตัดตั้งแต่ 18 ม.ค. ที่ผ่านมา ทำการรักษามาอย่างต่อเนื่อง ก่อนจะตรวจพบมะเร็งที่ตับ ตอนนี้จึงต้องทำคีโม เขาเล่าว่า “ผมทำงานอยู่ร้านส่งข้าวสาร ในเพชรบูรณ์ วันที่หมอนัดให้คีโมเข็ม 5 ผมลางาน เพื่อพาแฟนไปรักษาที่โรงพยาบาลร้อยเอ็ดด้วยมอเตอร์ไซค์” แล้วก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด เมื่อคนรักของเขาเกิดอาการแพ้อย่างหนัก จึงต้องพักฟื้นที่โรงพยาบาล และผู้ป่วยหนักไม่สามารถเดินทางด้วยมอเตอร์ไซค์ได้ “ผมไม่มีเงินค่าน้ำมัน ค่าเดินทาง เลยต้องอยู่ที่ร้อยเอ็ด ประมาณสัปดาห์ เจ้านายโทรมาบอกว่าไม่ต้องไปทำงานแล้ว” หนุ่มคนนี้ยังบอกอีกว่า คลิปที่ถ่ายลงไปนั้น เพียงแค่ต้องการกำลังใจจากทุกคน แต่ก็ไม่ได้คิดว่าจะมีผู้คนมากมายเข้ามาให้กำลังใจและช่วยเหลือมากมายขนาดนี้ หลังจากเรื่องราวนี้ถูกแชร์ไป มีคนเข้ามาชมคลิปกว่า 2 ล้านครั้ง และให้กำลังใจเขาจำนวนมาก   ข่าวจาก : มติชน

จับโป๊ะเพจช่วยเหลือหมาดัง ขอบริจาค-ต้ดพ้อปิดเพจ อ้างไม่มีเงิน ทำแบบนี้หลายครั้งแล้ว!

กลายเป็นแฮชแท็กร้อน ขึ้นเทรนด์ทวิตเตอร์ เมื่อชาวเน็ตเกิดความข้องใจในเพจช่วยเหลือสัตว์ดัง ยอดผู้ติดตามเกือบ 5 แสนคน ที่ระบุว่าก่อตั้งเพจขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือสัตว์ป่วยอนาถา ทั้งหมาและแมวจรจัดที่ป่วยโรคมะเร็ง และมักโพสต์ตัดพ้อในลักษณะแสดงความสิ้นหวัง และท้อใจ และถึงขั้นอาจจะต้องปิดเพจ เนื่องจากไม่ค่อยได้รับเงินบริจาค จนทำให้หลายคนตั้งข้อสงสัยว่า ทางเพจมีการเปิดรับบริจาคมาหลายปี มีคนบริจาคให้จำนวนมาก แต่ทางเพจไม่เคยเปิดยอดเงินให้คนที่บริจาครับรู้ นอกจากนี้ทางเพจอ้างว่าไม่มีเงินใช้รักษาหมาและแมวที่ป่วยมะเร็ง จนต้องเปิดรับบริจาค แต่มีเงินยิงโฆษณาให้คนเห็น กระทั่งเมื่อวานนี้ (31 พ.ค.) ทางเพจได้มีการโพสต์ระบุว่า เพจขอยุติ ! เดินต่อไม่ไหวแล้ว เนื่องจากเพจถึงขั้นวิกฤตแล้ว มีหนี้ค้างชำระพร้อมเคสที่รักษาอยู่กว่า 250 ชีวิต พร้อมทั้งขอให้คนบริจาคถ้าอยากให้เพจอยู่ได้ต่อไป หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมง ก็มีการโพสต์ขอรับบริจาคช่วยเหลือเช่นเดิม ทำให้มีกระแสเรียกร้องหลักฐานการรักษาและหลักฐานยอดเงินบริจาค จนทางเพจดังกล่าวออกมาโพสต์ใบเสร็จค่ารักษา แต่ก็ทำให้เกิดข้อกังขาอีกครั้งเพราะใบเสร็จหลายใบมีตัวเลขซ้ำกัน ทั้งยังประกอบกับมีคนอ้างว่า เพจดังกล่าวนี้ร่ำรวยจากเงินบริจาค ยิ่งทำให้คนเดือดดาลมากขึ้น จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ จากเพจดังเพิ่มเติม โพสต์ล่าสุดก็ยังคงเป็นโพสต์ขอรับเงินบริจาค นั่นก็ทำให้กระแสในโซเชียลยังคงร้อนแรง เรื่องราวจะเป็นอย่างไรก็คงต้องติดตามกันต่อไป   ข่าวจาก : ข่าวสด

1 2
error: