ทุกข์ชาวบ้าน

Advertisement   Advertisement 23 ส.ค.61 เพจ ไอ้โข่ง โพสต์ภาพแนวซี่เหล็กกันรถย้อนศรในตลาดนัดแห่งหนึ่งใน จ.ขอนแก่น โดยระบุว่า "ขอนแก่น ตลาดศรีเมืองทอง ทางห้ามเข้ามีป้ายชัดเจน คิดจะสวนเลนเข้าไปต้องเปลี่ยนยางนะครับ ถ้าวิ่งปกติ เขี้ยวจะยุบลงไปเองตามปกติ อันตรายเฉพาะสวนเลน"     หลายคนต่างเข้ามาคอมเม้นท์ทั้งแบบเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย บางคนก็กลัวว่าจะเป็นอันตรายเกินไปสำหรับคนที่เดินผ่านไปมา แต่บางคนก็ให้เหตุผลว่าทางตรงนั้นเป็นทางของรถ ไม่เหมาะกับคนเดินอยู่แล้ว และส่วนใหญ่ก็คิดว่าสมควรที่จะมีแบบนี้ เพื่อป้องกันรถมักง่ายไม่เคารพกฎจราจร ซึ่งสิ่งนี้มีใช้ในหลายที่แล้วโดยเฉพาะสถานที่ราชการ ไม่ใช่แค่ตลาดนัดแห่งนี้แห่งเดียว Advertisement     สำหรับอุปกรณ์ดังกล่าวนี้ มีชื่อเรียกว่า ROAD SPIKE หรือหนามแทงล้อ ใช้สำหรับบังคับให้รถผ่านได้ทางเดียว ไม่สามารถย้อนศรได้ มักจะใช้ควบคุมการจราจรในสถานที่ต่าง ๆ ที่มีคนพลุกพล่าน     ขอบคุณข้อมูลจาก : ไอ้โข่ง

  วันที่ 11 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังโรงเรียนบ้านสันติสุข ตำบลนาขุนไกร อำเภอศรีสำโรง จังหวัดสุโขทัย หลังทราบข่าวว่ามี 3 พี่น้อง ที่เรียนอยู่โรงเรียนบ้านสันติสุข อาศัยอยู่กันตามลำพัง โดยอาศัยเงินจากพี่ชายคนโต คือ นายตะวัน แก้วบุรี อายุ 16 ปี ที่ทำงานอยู่ ที่กรุงเทพฯ เป็นคนส่งเงินมาเป็นค่าใช้จ่ายให้น้อง 3 คน โดยโอนผ่านบัญชีของคุณครูโรงเรียนบ้านสันติสุข ทำให้พี่น้องทั้ง 3 คน ได้แก่ เด็กชายรามพิรุณ แก้วบุรี หรือ น้องโบ๊ต อายุ 14 ปี เด็กชายธีระพงษ์ แก้วบุรี หรือ น้องป่าน อายุ 10 ขวบ และน้องคนสุดท้อง คือ เด็กหญิงจันทร์ฉาย แก้วบุรี หรือ น้องจ้า อายุ 8 ขวบ     ซึ่งทุกวันนี้น้องโบ๊ต […]

  อีกหนึ่งเรื่องราวที่ชวนสงสัยและงงใจเป็นอย่างมาก สำหรับกรณีที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊ก ‎Buppha Saylen ได้โพสต์ภาพลงในกรุ๊ป อุบลวันนี้ โดยระบุข้อความว่า ช่วยแชร์หน่อยค่ะ ทำแบบนี้ก็มีด้วยเหรอ เทซีเมนต์ข้างๆแล้วดูตรงกลางสิคะเอาไว้ทำไม บอกว่าทำเสร็จแล้ว ที่บ้านเกษม ต.เกษม อ.ตระการพืชผล จ.อุบลราชธานี งานอบต.เกษม โปรดตรวจสอบให้หน่อยค่ะ หน้าบ้านฉันเอง หลังโพสต์ภาพได้มีชาวโซเชียลเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันกว้างขวาง ทั้งมองว่าแค่เทคอนกรีตทำฟุตปาธอย่างเดียวหรือไม่ ทว่าผู้โพสต์เองก็ได้มาตอบเพิ่มเติมว่า หากจะทำเหตุใดถึงไม่ทำไปพร้อมกันเลย จะมาแยกงบออกทำไม นอกจากนี้ผู้โพสต์ยังเล่าต่อว่า ก่อนที่จะมีการทำถนนบริเวณนี้ยังไม่เละขนาดนี้ และต่อให้ไม่ทำชาวบ้านก็ไม่ได้เดือดร้อนเรื่องฟุตปาธเลย เพราะหลังถนนเป็นเช่นนี้ได้มีมอเตอร์ไซค์ล้มหลายคันแล้ว พร้อมเปรยว่าหากเป็นไปได้ อยากให้สำนักงานมีตรวจเงินแผ่นดินมาลงสักครั้ง    

เดลี่เมล์รายงานเผยภาพชีวิตคนทำงานรับจ้างลอกท่อระบายน้ำ แก้ปัญหาท่ออุดตันในบังกลาเทศ ซึ่งต้องดำลงไปเจอดินโคลนสกปรกและใช้มือเปล่าทะลวงสิ่งโสโครก แลกกับค่าจ้างวันละ 7.50 ปอนด์ หรือราว 320 บาท     คนเหล่านี้มีฐานะยากจน ต้องทำงานเผชิญกับมลพิษในกรุงธากา เมืองหลวงของบังกลาเทศ โดยไม่มีอุปกรณ์ไม่ว่าชุดป้องกันสารเคมีหรือแว่นตาดำน้ำ     กรุงธากามีประชากรราว 14 ล้านคน ผู้คนต่างประสบปัญหาจากระบบระบายน้ำที่ไม่เพียงพอ และสถานการณ์จะแย่ลงในช่วงฝนตกหนัก ท่ออุดตันและทำให้น้ำท่วมบ่อยครั้ง     คนงานรับจ้างของหน่วยบริหารกรุงธากา หรือ ธากา ซิตี คอร์เปอเรชันจะได้รับค่าจ้างราว 190 บาท ไปจนถึง 320 บาทต่อวันในการลุยลงไปลอกท่อ โดยใช้วิธีกลั้นหายใจเอา แล้วว่ายผ่านสิ่งโสโครกที่รวมถึงไอสารเคมีจากขยะ     แต่ละปีมีคนตายจำนวนมากจากการขมน้ำ และอีกไม่ทราบจำนวนที่สุขภาพย่ำแย่จากผลกระทบของการทำงานนี้   ขอบคุณข่าวจาก : ข่าวสดออนไลน์, Taco de vries  

  สมาชิกเฟซบุ๊ก “ปรมินทร์ เกษมสุข” ได้โพสต์คลิปของ 3 พ่อลูก ซึ่งถูกน้ำร้อนสาด โดยระบุว่า ถูกป้าสาดน้ำร้อนหุงข้าวใส่ เพราะเข้าใจว่าเด็กมองหน้า เนื่องตัวป้ามีความผิดปกติเรื่องหูและการพูดจนเป็นเหตุให้เกิดความไม่พอใจคิดว่าเด็กไปว่า แต่ครูของเด็กทั้งสองยืนยั้นว่าเด็กทั้งสองเป็นเด็กดี ในวันเกิดเหตุเด็กได้ไปตามครูมาจนได้มีการอัดคลิปนี้ไว้ เพื่อนผมอยู่ในกรุงเทพเคยไปบริจากสิ่งของที่โรงเรียนที่สองคนเรียนอยู่ ซึ่งตอนนั้นคนน้องอยู่ ป.4 คนพี่อยู่ ป.5 เดิมบ้านเป็นเถียงนาติดทุ่งนาท้ายหมู่บ้าน ครูจึงได้ทำเรื่องให้ อบต.มาสร้างบ้านให้อยู่พื้นที่ของป้า แต่ไม่มีไฟฟ้าใช้เพราะป้าไม่ให้ใช้ด้วย ทางเพื่อนก็เลยจะออกทุนค่าอุปกรณ์ต่างๆ ให้ อบต.จะสนับสนุนเรื่องช่าง เพื่อให้ความปลอดภัยกับเด็กทั้งครอบครัว จึงได้มีเพื่อนๆ และคนที่มีเมตตารวมสมทบทุกคนละเล็กละน้อย นับว่าเป็นเมตตาให้แสงสว่างกับสามชีวิต ผมขออนุโมทนาสาธุด้วยเทอญ ถ้าใครอยากสมทบทุนช่วยร่วมกับคุณอ้อม ติดต่อคุณอ้อม 0849051164 จะเดินทางเอาข้าวสารอาหารแห้งและดำเนินการเรื่องไฟฟ้า วันอาทิตย์ 27 พ.ค.นี้ที่ อ.เนินมะปรางค์ จ.พิษณุโลก ฝากแชร์บอกบุญด้วยนะครับ     ขอบคุณข้อมูลจาก : ปรมินทร์ เกษมสุข

  16 พ.ค.61 เฟซบุ๊ก Crotty Warissara โพสต์เรื่องทุกข์ใจจากการซ่อมคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก โดยเธอเล่าว่า… ความซวย ฮือออ คงต้องเก็บเงินเปลี่ยน หรือไม่ก็ต้องซื้อใหม่ ทำของเค้าแตกไม่พอ เมื่อเอาไปซ่อม ช่างบอกว่าเดี๋ยวเย็บให้ สิ่งที่ได้ มึงเอาสว่านเจาะคอมกูหรอ อิสัส #อยากร้องไห้ มากๆ เสียดายเงินไม่พอ เสียความรู้สึกกูนิ ที่ไปใช้บริการร้านมึง มึงทำได้ยังไง #เย็บจริงๆ สวยงามมาก #ร้องไห้หนักมาก #มีใครพอจะแนะนำหรือรู้จักร้าน ที่สามารถเปลี่ยนทั้งแผ่นจอได้ไหม แนะนำหน่อย               โดยหลายคนต่างเห็นใจ ช่วยกันแชร์ร้านที่ไว้วางใจได้ แต่ก็อดขำไม่ได้ในความคิดสร้างสรรค์ที่ไม่เข้าท่าของช่างคนนี้   ขอบคุณข้อมูลจาก : Crotty Warissara

  19 พ.ค.61 เฟซบุ๊ก NaNa Signs Pattaya โพสต์คลิปลานจอดรถในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ซึ่งรถคันหนึ่งมีรอยเปรอะไปทั้งคันมาจาก "ส้วมแตก"     โดยหลายคอมเม้นท์ต่างรู้สึกสงสารเจ้าของรถ และสยองพองขนเป็นอย่างมากกับเหตุการณ์ดังกล่าว บางคนถึงกับหวาดระแวง ต้องระวังตัวเองต่อไปว่าควรจอดในที่ที่ดีกว่านี้ ขอบคุณคลิปจาก : NaNa Signs Pattaya

  เมื่อวันที่ 17 พ.ค. ที่ผ่านมา ผู้ใช้เฟซบุ๊ก เจ๊หนึ่ง ท่าน้ำ ได้โพสต์คลิปลงในกรุ๊ปสาธารณะ Ford Ranger Club Thailand โดยระบุข้อความว่า “แบบนี้ก็ได้หรอ จอดรถมาทำธุระที่ตึก แม่บ้านมาปล่อยลมยาง เห็นจะๆ คาตา ทำอย่างไรดีคะ” ในคลิปวิดีโอ ผู้ใช้เฟซบุ๊ก ได้ทะเลาะถกเถียงกับแม่บ้าน โดยกล่าวว่า มาถึงที่รถก็เห็นแม่บ้านกำลังนั่งยองๆ ปล่อยลมยางที่รถอยู่เลย ขณะที่แม่บ้านอ้างว่าไม่รู้ว่าเป็นลูกค้าเจ้าของตึกที่เขาคอยให้มาดูว่ามีรถใครมาจอด เจ้าของเฟซบุ๊กจึงกล่าวว่า ตนเองเป็นลูกค้ามาหลายปีแล้ว ถ้าเจ้าของให้คอยมาดูว่ามีรถใครมาจอด ก็ต้องคอยบอก ว่ารถใคร มาทำอะไร ไม่ใช่อยู่ๆ มาปล่อยลมรถเขา กี่รอบแล้วไม่รู้ ถ้ารถเป็นรอยจะเอาเรื่องแน่ และบอกว่าไม่ยอม และจะแจ้งความเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ขณะที่ผู้ชายอีกคนหนึ่ง ก็พยายามไกล่เกลี่ยและคุยกับแม่บ้านว่า ทำแบบนี้ไม่ได้ เสียลูกค้าหมด ป้าควรถามเขาดีๆ ก่อน   ขอบคุณข้อมูลจาก : เจ๊หนึ่ง ท่าน้ำ

วันที่ 16 พ.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องทุกข์จาก 3 แม่ลูกครอบครัวยากจน ว่าขาดที่พึ่งไม่มีทางออก เพราะไม่มีความรู้กฎหมาย หลังจากสามีถูกรถเก๋งชนเสียชีวิต แล้วถูกคนขับรถเก๋งมาข่มขู่ให้ซ่อมรถให้ จึงเดินทางไปที่บ้านของผู้ร้องเรียน ที่หมู่บ้านโคกตะเคียน ต.สะเดา อ.พลับพลาชัย จ.บุรีรัมย์ ก็พบ น.ส.เบญญาภา สายสนธ์ อายุ 23 ปี พร้อมกับลูกชายวัย 3 ปี และ 1 ปี อาศัยอยู่บ้านหลังเล็กอยู่กับยายรวม 4 คน พร้อมกับนำภาพการเกิดอุบัติเหตุมาให้ตรวจสอบถึงกระบวนการสอบสวนของตำรวจว่าเป็นธรรมหรือไม่ น.ส.เบญญาภา เล่าว่า สามีตนชื่อ นายอนันต์ ชูชี ทำงานในโรงงานยางพาราที่ อ.ประโคนชัย ห่างจากบ้านพักประมาณ 17 กม. เมื่อวันที่ 11 พ.ค. เวลาประมาณ 21.00 น. สามีขี่รถจยย.กลับมา และก่อนจะถึงบ้านประมาณ 2 กม. ได้เกิดอุบัติเหตุชนกับรถเก๋งของครูท่านหนึ่ง ทำให้สามีเสียชีวิตคาที่ ส่วนคนขับรถเก๋งปลอดภัย ครอบครัวมัวแต่เสียใจจึงไม่ค่อยสนใจเรื่องคดี […]

  เพจ Red Skull Phatthalung ได้โพสต์เรื่องราวจากสาวที่มีอาชีพเอ็นเตอร์เทนโดยเล่าเหตุการณ์ที่ไปรับงานเอ็นเตอร์เทนในงานเลี้ยงของเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองท้องถิ่นแห่งหนึ่ง ว่า “มันจะให้ไปนอนกับมันค่ะ เพื่อนเราทะเลาะกับมัน จนเพื่อนเราร้อง เลยขอกลับก่อน ตอนนั้น 5 ทุ่มครึ่ง คนที่จ่ายตังเขาให้อยู่ถึงเที่ยงคืน ไม่งั้นไม่ให้ค่าจ้าง พวกเราเลยกลับค่ะ คือพวกมันเข้าใจว่าพวกเราคือพวกขายนะ แต่เราบอกแล้วว่าไม่ใช่ แต่มันก็ยังจะซื้อ ให้ราคา คือพูดไม่ให้เกียรติมาตลอดอะ เราก็ทนนะ จนสุดท้ายมาขึ้นมึงขึ้นกู แล้วบอกถ้าไม่ขายก็มัดลากเลย ไรประมาณนี่ เราเลยกลับ อีกทั้ง ยังได้มีการลงรูปกลุ่มชายดังกล่าว และแคปหน้าจอที่โพสต์ข้อความว่า ได้มารับงานทำหน้าที่ชงเหล้า แต่ชายกลุ่มนี้พยายามจะซื้อบริการจนเกิดการทะเลาะมีปากเสียงกัน จนทำให้ผู้โพสต์ได้ลงรูปเตือนภัยแก่เพื่อนร่วมอาชีพว่าให้ระวังพฤติกรรมของชายกลุ่มนี้ หากรับงานอาจเจอกรณีเดียวกับผู้โพสต์         ข่าวจาก : Red Skull Phatthalung