พิธา

Advertisement 22 ก.ค.2566 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อม น.ส.เบญจา แสงจันทร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรค และทีมงานก้าวไกล จ.ชลบุรี เดินทางพบประชาชน ที่หน้าโรงแรมThe Now ชายหาดจอมเทียน พัทยา เพื่อปราศรัยขอบคุณ ชาวชลบุรี ถือเป็นการลงพื้นที่ครั้งแรกหลังถูก ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งยุติปฎิบัติหน้าที่ ส.ส. โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกล ใส่เสื้อสีส้ม หมวกสีส้ม และอุปกรณ์เชียร์ต่างๆซึ่งมีสัญลักษณ์พรรคก้าวไกล และสีส้มเข้าร่วมรอต้อนรับนายพิธา เพื่อให้กำลังใจเป็นจำนวนมาก Advertisement ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่ นายพิธามาถึง เกิดฝนตกกลงมาอย่างหนัก แต่มววลชนยังยืนตากฝนรอนายพิธา ไม่หนีไปไหน จากนั้นนายพิธาเดินทางมาถึง และขึ้นกล่าวปราศรัยบนรถเครื่องเสียงทันที นายพิธา กล่าวว่า ถึงแม้ว่าพวกเขา จะไม่ยอมให้พวกเราจัดตั้งรัฐบาล ถึงแม้พวกเขาจะไม่ยอมให้ผมเป็นนายกรัฐมนตรี ผมก็จะลงมายืนอยู่กับพวกคุณ ยืนยันผมจะไม่ทิ้งพวกคุณ ว่าแต่ว่า เขาจะให้เลือกตั้งกันมาทำไม พอเลือกมาเป็นพิธา ก็เลือกกันไปพอพิธีใช่หรือไม่ แต่พวกเราหมดหวังกันไม่ได้ ยังยอมแพ้ไม่ได้ ในเมื่อเราลงเรือลำเดียวกันแล้ว ทั้ง 8 […]

หลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล หยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.ชั่วคราว และที่ประชุมร่วมรัฐสภาลงมติว่าส่งนายพิธามาโหวตเป็นนายกรัฐมนตรีซ้ำไม่ได้ด้วยคะแนน 395 เสียง ส่วนที่บอกว่าส่งซ้ำได้ 312 เสียง งดออกเสียง 8 คน ไม่ลงคะแนนเสียง 1 คน ส่งผลให้นายพิธาหมดสิทธิชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ทำให้กลุ่มผู้สนับสนุนออกมาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ กองเชียร์บางกลุ่มที่มาให้กำลังใจถึงกับหลั่งน้ำตาด้วยความเสียใจออกมา เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2566 ที่วัดสวนแก้ว ต.บางเลน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี ผู้สื่อข่าวเดินทางเข้าพบ พระราชธรรมนิเทศ หรือพระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว เกี่ยวกับการเตือนสติกองเชียร์ที่ผิดหวังและให้กำลัง โดยพระพยอมได้แสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ว่า หากญาติโยมทั้งหลายเข้าใจโลกธรรมว่าโลกใบนี้มันมีได้มีเสีย มีบวกมีลบ มีทั้งสมหวัง ทั้งผิดหวัง มีแพ้มีชนะควบคู่กันไป เพราะฉะนั้น ถ้าเราจะอยู่บนโลกใบนี้ให้ได้เราต้องรู้เข้าใจโลกธรรมว่ามันมีความผิดหวังบ้าง สมหวังบ้าง ได้ดั่งใจบ้าง ชนะบ้าง แพ้บ้าง ดังนั้น เราจะอยู่ในทางสายกลาง คือเราจะชอบใคร หรือไม่ชอบใครก็ตาม แต่เราต้องเผื่อไว้ว่าใจเราจะไม่ฟูกับคนที่เราชอบ และใจเราจะไม่แฟบผิดหวังกับคนที่เราชอบเช่นกัน […]

10.45 น. วันที่ 20 ก.ค.2566 ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ก่อนเข้าสู่วาระ ประธาน แจ้งต่อที่ประชุมเรื่องที่ไม่ปรากฎในระเบียบที่แจ้งไว้ล่วงหน้า กรณีรับทราบคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญที่ให้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล หยุดปฏิบัติหน้าที่สส. ตั้งแต่วันที่ 19 ก.ค.ที่ผ่านมา จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย ทำให้ขณะนี้มีสส.ทั้งหมด 499 คน จากนั้นนายณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ชี้แจงกรณีคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญที่ให้นายพิธา หยุดปฏิบัติหน้าที่สส.ว่า นายพิธาได้รับทราบหนังสือคำสั่งดังกล่าว และได้พูดในสภาแห่งนี้ชัดเจนว่าไม่ได้หมายถึงเรื่องของการยอมรับ แต่เป็นการรับทราบ และปฏิบัติตามคำสั่งอย่างสง่างามด้วยการหยุดปฏิบัติหน้าที่ และเดินออกจากห้องประชุมนี้อย่างสง่างาม ทั้งนี้ หากพิจารณาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 ที่ให้นายพิธา หยุดปฏิบัติหน้าที่ มีเงื่อนไขที่เพิ่มเติมอยู่ในตอนท้ายที่ระบุว่า กรณีที่มีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ แต่ไม่กระทบกับกิจการที่ผู้นั้นได้กระทำไปก่อนพ้นจากตำแหน่ง จึงยืนยันได้ว่า ขณะนี้นายพิธาถูกคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่เท่านั้น ยังไม่ได้มีคำวินิจฉัยว่านายพิธา เป็นผู้กระทำผิด มีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งในทางกฎหมายยังมองว่านายพิธา […]

จากกรณีที่ประชุมร่วมรัฐสภา วันที่ 19 กรกฎาคม ลงมติว่าการเสนอชื่อ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้รัฐสภาโหวตเป็นนายกฯอีกรอบขัดกับข้อบังคับการประชุมข้อ 41 หรือไม่ ทั้งนี้ ผลการลงมติพบว่าเสียงข้างมาก 395 เสียง ต่อ 312 เสียง งดออกเสียง 8 เสียง ไม่ลงคะแนน 1 ดังนั้น ไม่สามารถเสนอชื่อนายพิธาซ้ำได้ในสมัยประชุมนี้ เรื่องที่เกิดขึ้นนี้ นางประภาศรี สุฉันทบุตร ส.ว. ซึ่งเป็น 1 ใน 13 เสียงจาก ส.ว.ที่ “เห็นชอบ” นายพิธาเป็นนายกฯในการโหวตครั้งแรก ได้โพสต์เฟซบุ๊กยืนยันว่า การลงมติวานนี้ได้ลงมติให้สามารถนำชื่อนายพิธามาเสนอเป็นนายกฯได้อีก นางประภาศรีเปิดเผยว่า คงทราบข่าวแล้วนะคะว่าเสียงส่วนใหญ่ในสภามีมติไม่ให้เสนอคุณพิธาเป็นนายกรัฐมนตรีซ้ำเป็นครั้งที่สอง ตามที่ดิฉันได้แจ้งว่าคุณพิธาถูกตัดสิทธิการเป็น ส.ส.ก็จริง แต่จะไม่ถูกตัดสิทธิการถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี หลังจากนั้นสมาชิกรัฐสภาได้ร่วมกันอภิปราย ฝ่ายที่ไม่ต้องการให้เสนอชื่อคุณพิธาเป็นครั้งที่สองมีเหตุผลว่าญัตติใดๆ ที่เคยเสนอแล้วจะนำมาเสนออีกไม่ได้ในวาระสมัยประชุมเดียวกัน ตามข้อบังคับการประชุม ข้อ 41 ของการประชุมสภา แต่ฝ่ายที่เห็นว่าสามารถนำชื่อ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ […]

การประชุมรัฐสภา เมื่อวันที่ 19 ก.ค. 66 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้ออกจากห้องประชุม หลังศาลรัฐธรรมนูญ ให้พักการปฏิบัติหน้าที่ สส. ในระหว่างพิจารณากรณีหุ้นไอทีวี ซึ่งระหว่างเดินออกไปนั้น นายพิธา ได้ชูกำปั้นขึ้นมา และสมาชิกพรรคก้าวไกล ก็ต่างชูกำปั้นตอบรับ สำหรับสัญลักษณ์การชูกำปั้น จะเห็นได้หลากหลาย รวมทั้งในวงการกีฬา ซึ่งในแคมเปญ “แบล็กไลฟ์แมทเทอร์” บางคนก็ใช้ลักษณะนั่งคุกเข่าแล้วชูกำปั้นเช่นกัน การชูกำปั้น หรือ Raised fist เป็นสัญลักษณ์ของความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเคลื่อนไหวทางการเมือง รวมทั้งแทนคำทักทาย เพื่อแสดงความสามัคคี ความแข็งแกร่ง หรือการต่อต้าน กับวงการกีฬา โอลิมปิกเกมส์ 1968 ที่เม็กซิโกซิตี ระหว่างพิธีมอบรางวัลที่สนามโอลิมปิก สเตเดี้ยม เมื่อ 16 ต.ค.1968 ได้มี 2 นักกีฬาอเมริกัน-แอฟริกัน คือ ทอมมี สมิธ และ จอห์น คาร์ลอส ต่างชูกำปั้นที่สวมถึงมือสีดำ ระหว่างเพลงชาติสหรัฐ […]

จากกรณีที่ประชุมรัฐสภา มีมติไม่โหวตชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) เป็นนายกรัฐมนตรีซ้ำเป็นครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2566 นั้น เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม หลังการประชุมรัฐสภา นายสุชาติ สวัสดิ์ศรี หรือสิงห์สนามหลวง อดีตศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ พ.ศ.2554 โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า “ผมไม่มีความรู้เรื่องกฎหมายเลย แต่เหมือนจะรู้สึกว่า เรื่อง ‘พิธา’ ในวันนี้นั้น ต้องขอบอกว่า ‘ประธานสภา’ อ่อนแอมาก”   ข่าวจาก : มติชน

19 ก.ค.66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อพิจารณาวาระการเลือกบุคคลเป็นนายกรัฐมนตรีครั้งที่ 2 โดย นายสุทิน คลังแสง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) เสนอชื่อ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ต่อมาศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์ รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย กรณี กกต.ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 ว่า สมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของ นายพิธา สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (3) หรือไม่ จากเหตุมีชื่อถือครองหุ้นสื่อบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) จำนวน 42,000 หุ้น โดยศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมาก 7 ต่อ 2 เห็นว่าข้อเท็จจริงตามคำร้องและเอกสารประกอบคำร้องปรากฏเหตุอันควรสงสัยว่ามีกรณีตามที่ถูกร้องประกอบกับการปฏิบัติหน้าที่ของนายพิธา อาจก่อให้เกิดปัญหาข้อกฎหมายและการคัดค้านโต้แย้ง เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินงานสำคัญของที่ประชุมรัฐสภา และที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้ จึงมีคำสั่งให้นายพิธาหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.ตั้งแต่วันที่ 19 กรกฎาคม […]

ร้านก๋วยเตี๋ยวแห่งหนึ่งที่โพสต์คลิปให้พนักงานติดริบบิ้นสีส้ม พร้อมโพสต์คลิปบอกว่า “ลูกค้าหายหมดหลังรู้ว่าเราชอบพิธา” งานนี้ทำเอาชาวเน็ตแห่คอมเมนต์สนั่นเสียงแตกเป็น 2 ฝ่าย บ้างก็บอกว่าสร้างกระแส บ้างก็ให้กำลังใจ เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 18 ก.ค.66 คุณอุ้งอิ้ง เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยว เปิดเผยกับ “ข่าวสดออนไลน์” ว่าวันที่ตนโพสต์คลิปวิดีโอดังกล่าวไปนั้น ตรงกับวันโหวตนายกฯพอดี เลยชวนพนักงานที่ร้านหาอะไรทำขำๆ แบบไม่ได้คิดอะไรมาก ก็หาอะไรมาติดทำเองเล่นกันขำๆ แล้วโพสต์ลงติ๊กต็อก พร้อมกับใส่ข้อความทำนองว่า ลูกค้าหายหมด หลังจากที่รู้ว่าเราชอบพิธา ซึ่งตนเข้าใจว่าเป็นประโยคบอกเล่า จึงพิมพ์ข้อความแบบนั้นไป ให้ตีความไปได้หลายทางและไม่คิดว่าเรื่องราวไปไกลเลยเถิดขนาดนี้ จากกรณีนี้ตนอยากชี้แจง ว่าทางร้านไม่ได้มีเจตนาจะแบ่งแยกอะไรทางการเมือง โดยส่วนตัวก็มีความชื่นชอบ แต่การทำคลิปออกไปแบบนี้ ต้องยอมรับว่าตนนั้นคิดน้อยเกินไป แต่ไม่มีเจตนาแบบที่มีคนมาตีความออกไปต่างๆ นานา และตนก็อยากชี้แจงว่ายอดขายก็ไม่ได้หายไป ยังขายได้ปกติ แต่ด้วยความที่ตนยังเป็นวัยรุ่น ไม่ได้คิดอะไรก็ทำขำๆ ลงไป และช่วงเวลาที่ถ่ายลงก็จะเป็นช่วงที่หมดลูกค้าแล้ว ซึ่งตอนนี้กระแสตีกลับมาเยอะมาก ทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ทางร้านก็น้อมรับทุกคำติชม ทุกความคิดเห็นทุกอย่าง ยอมรับในส่วนที่อาจจะคิดคอนเทนต์น้อยไป ใช้คำพูดที่ไม่เหมาะสม หรือว่าสร้างความเกลียดชังและสร้างความแตกแยก ทางร้านจะเก็บไว้เป็นบทเรียนที่สำคัญ ว่าเวลาจะทำอะไรก็จะระมัดระวังให้มาก ต่อไปจะใช้คำพูดและทำคลิปที่สร้างสรรค์กว่านี้ อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ […]

18 กรกฎาคม นางประภาศรี สุฉันทบุตร สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) หนึ่งใน13 ส.ว.ที่ “เห็นชอบ” ให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ได้โพสต์ข้อความว่า จากพวกเราคุยกัน ดิฉันขออยู่เคียงข้างประชาชน เป็นที่สนใจของสื่อมากมาย วันพรุ่งนี้ภาวนา ให้มีส.ว.ช่วยกันเลือกคุณพิธามากขึ้น หากคุณพิธาได้รับการเสนอชื่อ เพื่อให้ สว.เลือกเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง   ที่มา : มติชน

หลังการโหวตนายกฯ โดยเสียงออกมานายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ชวดนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ซึ่งเสียงเห็นชอบ 324 เสียง ไม่เห็นชอบ 182 เสียง งดออกเสียง 199 เสียง ทำให้นายพิธาได้รับคะแนนเห็นชอบไม่มากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดที่มีอยู่ของทั้งสองสภา ดังนั้นจึงถือว่ามติที่ประชุมไม่เห็นชอบการแต่งตั้งนายพิธา เป็นนายกฯ ตามรัฐธรรมมาตรา 272 วรรค 1 จากนั้นสั่งปิดประชุมในเวลา 18.25 น. สำหรับเสียงเห็นชอบ มีส.ส. 311 คน ส.ว. 13 คน ส่วนไม่เห็นชอบ มีส.ส. 148 คน ส.ว. 39 คน งดออกเสียง แยกเป็น ส.ส. 40 คน ส.ว. 159 คน และส.ว.ไม่มาร่วมประชุม 43 คน โดย 1 ใน 13 ส.ว.ที่โหวตนายพิธาเป็นนายกฯ […]