เหวอกันทั้งซอย!! “ลุงลับมีดแถวบ้าน” โชว์สกิลการพูดภาษาอังกฤษไฟแลบ! แถมเปิดสอนให้เรียนแค่ชม.ละ 100!!(ชมคลิป)

Advertisement ภาษาอังกฤษ เป็นอีกหนึ่งภาษาที่สำคัญมากๆในสมัยนี้ เพราะหากเราสามารถใช้ภาษาอังกฤษ พูดได้เขียนได้ ก็สามารถที่จะทำให้เราไปได้ไกลมากยิ่งกว่าเดิม เพราะทุกวันนี้โลกเรามันเปิดกว้าง การติดต่อสื่อสารจึงสำคัญอย่างยิ่ง วันนี้เราเลยมีคลิปที่อยากจะให้ทุกท่านได้ดู โดยเป็นคลิปของคุณลุงท่านหนึ่งที่ ทำอาชีพรับจ้างลับมีด แต่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ และรู้คำศัพท์มากมาย โดยผู้ใช้เฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อ       อาชีพหลักรับจ้างลับมีดอาชีพรองรับสอนภาษาอังกฤษครับ (รับสอนภาษาอังกฤษชม.ละ100บาทเรื่องจริงนะครับ) ชมคลิป Advertisement Advertisement ขอบคุณที่มาคลิป : ขุนโจร ป่าละเมาะ

งงกันทั้งบ้าน!! เด็กหญิงชาวสกลนฯ วัย 4 ขวบ รัวภาษาอังกฤษสุดคล่อง ทั้งๆที่ “ไม่เคยเรียน” แม่เผยเคล็บไม่ลับลูกรู้ภาษาก่อนส่งเข้าโรงเรียน!!(ชมคลิป)

กลายเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่ถูกแชร์ส่งต่อในโลกโซเชียลขณะนี้ สำหรับกรณีเมื่อมีผู้เผยแพร่ข้อมูลระบุเรื่องราวของเด็กหญิงวัย 4 ขวบรายหนึ่งที่มีความสามารถพิเศษสามารถพูดภาษาอังกฤษได้ ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้เข้าโรงเรียน โดยผู้ปกครองของเด็กหญิงรายนี้เปิดเผยถึงที่มาของเรื่องนี้ว่า สิ่งที่ทำให้เด็กหญิงนั้นมีความสามารถพูดภาษาอังกฤษได้ เนื่องจากเด็กหญิงชอบดุการ์ตูนภาาาอังกฤษและชอบออกเสียงตาม ทั้งนี้ ทางเพจ "ชมรมผู้สื่อข่าวจังหวัดสกลนคร" ได้โพสต์ภาพเด็กหญิงคนหนึ่งพร้อมระบุข้อความบรรยายว่า เด็กหญิงมหัศจรรย์ ชาว อ.วานรนิวาส อายุ 4 ขวบ พูดภาษาอังกฤษปร๋อทั้งที่ยังไม่ได้เรียน แม่เผยลูกป่วยเป็นโรคเกร็ดเลือดต่ำจึงดูแลไม่ห่าง โดยให้เล่นโทรศัพท์ทั้งวัน พบลูกมีพฤติกรรมแปลกๆ ชอบดูแต่การ์ตูนฝรั่ง สุดท้ายพูดภาษาอังกฤษกับแม่และเพื่อนๆ น้อยนักที่จะพูดไทย โดยนางกฤติมา ศรีหแสง 35 ปี แม่ของ ด.ญ.จิรัญญา ข้อทน หรือน้องญาญ่า อายุ 4 ขวบ เปิดเผยว่า เดิมที น้องญาญ่าป่วยเป็นโรคเกร็ดเลือดต่ำ หากเป็นแผลแล้วเลือดจะไหลไม่หยุด จึงคอยดูแลไม่ยอมห่าง และตนเกรงว่าลูกออกไปนอกบ้านแล้วจะหกล้ม จึงเอาโทรศัพท์ให้เล่น เพราะไม่อยากให้ออกนอกบ้าน น้องญาญ่าก็เล่นโทรศัพท์ทั้งกลางวันและกลางคืน แรกๆ ก็ไม่ได้สนใจ แต่เมื่ออายุได้ 2 ขวบ สังเกตเห็นน้องชอบพูดเป็นภาษาอังกฤษ ชอบพูดเยส โน โอเค […]

[แนะนำ] เทคนิคฝึกพูดภาษาอังกฤษ

หลายๆคนคงเป็นใช่มั้ยครับ ที่รู้สึกว่าแกรมม่าตัวเองก็แน่น ศัพท์ตัวเองก็ได้ เวลาสอบภาษาอังกฤษในชั้นเรียนก็ทำได้ แต่พอจะเอามาใช้พูดจริงๆทำไมมันพูดไม่เป็นเลย คำถามนี้ตอบได้ง่ายๆเลยคือ ก็ในชั้นเรียนเราฝึกแค่อ่านกับเขียน เราไม่ได้ฝึกพูดกับฟังซักหน่อย พอไม่ได้ฝึกก็เป็นเรื่องธรรมดาครับที่จะไม่ได้ แล้วทีนี้จะฝึกพูดยังไงให้คล่อง ในเมื่อเราก็อยู่ในไทย ไม่มีใครให้พูดภาษาอังกฤษด้วย ผมมีเทคนิคในการฝึกพูดของผมเองมาแชร์ให้อ่านกันครับ คิดเป็นภาษาอังกฤษ       หลายคนพอได้อ่านก็คงคิดว่าตัวเองทำไม่ได้ใช่มั้ยครับ เพราะว่าแค่พูดหรือกระทั่งอ่านภาษาอังกฤษยังยากเลย จะไปเอาอะไรกับการคิด แต่ผมอยากจะบอกว่าการคิดเป็นภาษาอังกฤษไม่ได้ยากอย่างที่คิดครับ ก่อนอื่นเรามาดูกันก่อนว่าการคิดเป็นภาษาอังกฤษมีประโยชน์ยังไง อย่างแรกเลยคือถ้าเราคิดเป็นภาษาอังกฤษได้เราจะไม่ต้องมาแปลจากภาษาไทยเป็น ภาษาอังกฤษแล้วครับ ประโยชน์ข้อนี้ดีมากๆ เพราะว่าหลายครั้งการแปลจากไทยเป็นอังกฤษทำให้ภาษาอังกฤษที่ได้มาไม่สละสลวยครับ และบางทีอาจจะฟังไม่รู้เรื่องด้วยสำหรับชาวต่างชาติเพราะว่าเค้าไม่พูดกันแบบนั้น(แบบที่เราพูดกันในภาษาไทย) อย่างที่สองเมื่อเราคิดเป็นภาษาอังกฤษได้แล้ว เราจะทำอะไรๆมันก็คล่องและเร็ว ไม่ใช่เฉพาะการพูดอย่างเดียว แต่รวมไปถึงการเขียน การอ่าน และการฟังด้วยเนื่องจากไม่มีภาษาไทยมาคั่นตรงกลาง       การฝึกคิดเป็นภาษาอังกฤษก็เหมือนกับการฝึกอื่นๆ คือเราไม่ต้องพยายามคิดเป็นภาษาอังกฤษทั้งวันทุกวันนะครับ นั่นก็อาจจะเหนื่อยเกินไป แค่เราเจียดเวลาซักครึ่งชม.หรือมากกว่านั้นมาคิดเป็นภาษาอังกฤษก็พอ และควรจะทำอย่างสม่ำเสมอ ไม่ต้องทำทุกวันก็ได้ แต่ต้องทำอย่างสม่ำเสมอ แล้วจะเห็นผลครับ (อาจจะฝันเป็นภาษาอังกฤษเลยก็ได้)       ที่นี้เราจะคิดเป็นภาษาอังกฤษได้ยังไงเพราะว่าการคิด(เป็นภาษาใดภาษา หนึ่ง)ในหัวก็เป็นจุดเริ่มต้นแรกในการที่เราจะสื่อสารอะไรออกมา คำตอบคือถูกครึ่งไม่ถูกครึ่งครับ บางครั้งการคิด(เป็นภาษาใดภาษาหนึ่ง)ก็เป็นสิ่งแรกที่เรานึกถึงเวลาจะพูดอะไรออกมา แต่บางครั้งก็ไม่ใช่ครับ เราเคยจะพูดอะไรซักอย่างในภาษาไทยแต่ว่าพูดไม่ออกมั้ยครับ มันติดอยู่ในหัวไม่รู้จะเลือกคำไหนดี หรือว่าไม่รู้ว่าจะเรียบเรียงประโยคยังไงดี นั่นแหล่ะครับแสดงว่าก่อนหน้าที่มันจะมีคำพูดในหัวเรามันมีความคิดอย่างอื่นก่อนครับ แล้วเราค่อยมาแปลงเป็นภาษาไทยอีกที ผมจะขอเรียกสิ่งนั้นที่อยู่ก่อนหน้าการคิดแบบเป็นภาษาว่า”การคิดเป็นรูป”นะครับ ความจริงมันไม่ใช่การคิดเป็นรูปเสมอไป เพราะว่าสิ่งที่เป็นนามธรรมเช่น “ทำไม” “อย่างไร” “ความรัก” “ความเป็นส่วนตัว” ก็ไม่ได้เป็นรูป แต่เพื่อให้เข้าใจกันง่ายๆก็จะเรียกว่าการคิดเป็นรูปครับ       ดังนั้น […]

error: