องค์การอนามัยโลก ประกาศ “ฝีดาษลิง” เป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศแล้ว

Advertisement วันที่ 23 ก.ค.2565 ผู้สื่อข่าวรายงาน นายเท็ดรอส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก แถลงหลังหารือกับคณะกรรมาธิการผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโรคฝีดาษลิง เมื่อวันที่ 23 ก.ค.ที่ผ่านมา ประกาศให้โรคฝีดาษลิง เป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ (PHEIC) แล้ว Advertisement นายกีบรีเยซุส ระบุว่า คณะกรรมาธิการไม่สามารถมีฉันทามติว่าจะประกาศให้การแพร่ระบาดของโรคฝีดาษลิงเป็นภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขระหว่างประเทศหรือไม่ อย่างไรก็ตามจากการพิจารณาเงื่อนไขทั้งหมด เราพบการแพร่ระบาดที่แพร่ระบาดไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว ผ่านการแพร่ระบาดแบบใหม่ที่เรายังเข้าใจน้อยมากซึ่งเข้าเงื่อนไขการกำกับดูแลสาธารณสุขระดับนานาชาติ ด้วยเหตุผลทั้งหมด ตนจึงตัดสินใจให้การแพร่ระบาดของฝีดาษลิงนั้นเป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก ให้คำแนะนำสำหรับประเทศที่พบผู้ติดเชื้อเข้าสู่ประเทศว่าให้มีมาตรการในการป้องกันการแพร่ระบาดและป้องกันกลุ่มเสี่ยง มีส่วนร่วมและปกป้องชุมชนที่ได้รับผลกระทบ เพิ่มการเฝ้าระวังและมาตรการด้านสาธารณสุข เพิ่มความเข้มงวดในการบริหารจัดการในทางคลินิก ป้องกันการและควบคุมการติดเชื้อในโรงพยาบาลและคลินิกต่างๆ เพิ่มการวิจัยเพื่อการใช้วัคซีนการรักษาและเครื่องมืออื่นๆเป็นต้น Advertisement นายกีบรีเยซุส ยังระบุด้วยว่า การแพร่ระบาดนั้นส่วนใหญ่เกิดขึ้นกับกลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย โดยเฉพาะคนที่มีคู่นอนหลายคน ดังนั้นจึงจำเป็นที่ทุกประเทศต้องทำงานอย่างใกล้ชิดกับกลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย ในการให้บริการและข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ และออกมาตรการที่ปกป้องทั้งสุขภาพ สิทธิมนุษยชนและเกียรติของชุมชนที่ได้รับผลกระทบ การประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ จะทำให้องค์การอนามัยโลกสามารถระดมทุนเพื่อแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของโรคฝีดาษลิงได้มากขึ้น และทำให้เกิดความร่วมมือระดับนานาชาติในการรักษา แบ่งปันวัคซีน เช่นเดียวกับการออกมาตรการด้านการค้าและการเดินทางโดยเฉพาะการคัดกรองผู้ติดเชื้อที่สนามบินได้ นอกจากฝีดาษลิงแล้ว องค์การอนามัยโลกเคยประกาศประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 รวมถึงโรคโปลิโอ ที่ยังคงมีผลจนถึงทุกวันนี้ นอกจากนี้ยังเคยประกาศภาวะฉุกเฉินระดับเดียวกันนี้กับไข้หวัดใหญ่ H1N1 เมื่อปี 2552, […]

error: