“ทักษิณ” เข้าเกณฑ์ราชทัณฑ์คุมขังนอกเรือนจำ ชี้ไม่ใช่นักโทษอุกฉกรรจ์

Advertisement ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำกับกระทรวงยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าร่วมประชุมกับคณะกรรมาธิการกิจการวุฒิสภา (วิปวุฒิสภา) ประจำสัปดาห์เกี่ยวกับการออกระเบียบกรมราชทัณฑ์กำหนดให้ผู้ต้องโทษคุมขังนอกเรือนจำที่สังคมจับจ้องพร้อมตั้งคำถามว่า เอื้อต่อ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ฐานะผู้ต้องขังหรือไม่นั้น Advertisement นายสมศักดิ์ รองนายกฯ กล่าวว่า ประเด็นการคุมขังนอกเรือนจำเป็นเรื่องที่ออกตามกฎหมายของกรมราชทัณฑ์ พ.ศ.2560 ในรัฐบาลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง และเมื่อปี 2562 ตนเข้ารับตำแหน่ง รมว.ยุติธรรม ได้ออกกฎกระทรวงว่าด้วยการจำแนกผู้ต้องขังที่มีหลักเกณฑ์เกี่ยวกับพฤติกรรม และการรักษาพยาบาล รวมถึงการเตรียมพร้อมปล่อยตัวในปี 2563 ทั้งนี้ ระหว่างดำเนินการมีอดีตข้าราชการและกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ หารือเพื่อขอให้มีที่คุมขังออกเรือนจำสำหรับผู้ต้องขัง หรือผู้ถูกกล่าวหา โดยตนเห็นด้วยจึงให้ปลัดกระทรวงยุติธรรมและคณะทำงานดำเนินการเรื่องนี้แต่ยังไม่แล้วเสร็จ ตนได้ลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีก่อน Advertisement สำหรับเรื่องนี้มีคนถามตนเข้ามาเยอะ อย่างในวันนี้วิปวุฒิสภา เชิญผมมาชี้แจง เนื่องจากเป็นกฎหมายที่ดี ในการเข้าสู่กระบวนการคัดแยกผู้ต้องขังให้เป็นไปตามหลักสากล ดังนั้น ไม่ใช่เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับผู้ต้องขังรายใดรายหนึ่งแต่เป็นกระบวนการยุติธรรมซึ่งทำตามกรอบสากลและทำได้หากเข้าเกณฑ์ ส่วนกรณีที่เป็นคดีร้ายแรง เช่น ฆ่า ยาเสพติด จะไม่ถูกนำมาพิจารณากับระเบียบใหม่ นายสมศักดิ์ กล่าว สำหรับกรณีของ นายทักษิณ นั้นนายสมศักดิ์ รองนายกฯ กล่าวยอมรับว่า […]

แพทย์ยันทักษิณ ‘ยังป่วย’ ราชทัณฑ์ ยกกฎกระทรวงแจงยิบ รักษาตัวนอกเรือนจำต่อได้

กรมราชทัณฑ์ ได้รับรายงานจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครว่า ขณะนี้นายทักษิณ ชินวัตร รักษาตัวที่โรงพยาบาลภายนอกครบ 60 วัน ในวันที่ 21 ตุลาคม 2566 ซึ่งความเห็นจากแพทย์โรงพยาบาลตำรวจผู้ทำการรักษา เห็นว่ายังมีความจำเป็นต้องรักษาตัวอยู่ ณ โรงพยาบาลตำรวจ ส่วนรายละเอียดของการเจ็บป่วยนั้น เป็นไปตามหลักการคุ้มครองสิทธิผู้ป่วยและ ตามจรรยาบรรณของแพทย์ ซึ่งไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลออกสู่สาธารณชนได้ ตามพระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติ ที่เกี่ยวกับการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ป่วย ทั้งนี้ รายละเอียดตามกฎกระทรวง การส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำ พ.ศ.2563 ระบุว่า – การพักรักษาตัวเกินกว่า 30 วัน ให้มีหนังสือขอความเห็นชอบจากอธิบดี พร้อมกับความเห็นแพทย์ผู้ทำการรักษาและหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้อง – การพักรักษาตัวเกินกว่า 60 วัน ให้มีหนังสือขอความเห็นชอบจากอธิบดี พร้อมกับความเห็นแพทย์ผู้ทำการรักษาและหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้อง และรายงานให้ปลัดกระทรวงทราบ และ – การพักรักษาตัวเกินกว่า 120 วัน ให้มีหนังสือขอความเห็นชอบจากอธิบดี พร้อมกับความเห็นแพทย์ผู้ทำการรักษาและหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้อง และรายงานให้รัฐมนตรีทราบ ดังนั้น ในกรณีนายทักษิณฯ ที่ต้องรักษาตัวที่โรงพยาบาลภายนอกเกินกว่า 60 วัน ขณะนี้อธิบดีได้มีหนังสือเห็นชอบ พร้อมกับความเห็นแพทย์ผู้ทำการรักษาและหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้อง รายงานให้ปลัดกระทรวงทราบตามขั้นตอนทางกฎหมาย […]

อธิบดีเผยทรงผม “พิ้งกี้”ตัดสั้นลง แต่รวบได้ ใครพูดทำ”ราชทัณฑ์” เสียหายจะดำเนินคดี

2 กันยายน นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดี กรมราชทัณฑ์ ให้สัมภาษณ์ มติชนออนไลน์ ว่า การควบคุมตัว ‘พิงกี้’ หรือ น.ส.สาวิกา ไชยเดช ที่ถูกควบคุมอยู่ที่ ทัณฑสถานหญิงกลาง ว่า ตอนนี้ได้ย้ายจากแดนกันชนมาสู่แดนแรกรับแล้ว โดย น.ส.สาวิกา ได้ปฏิบัติตามระเบียบของทางทัณฑสถาน เช่นเดียวกับผู้ต้องขังรายอื่นๆ และได้ดำเนินการตัดผมเรียบร้อยแล้ว ใช้ชีวิตประจำวันตามปกติ นายอายุตม์กล่าวอีกว่า สำหรับการตัดผม หรือทรงผม ผู้ต้องขังระหว่างการพิจารณาคดีนั้นไม่ใช่ตัดผมสั้นถึงติ่งหู เท่าที่ทราบนั้นตอนที่ น.ส.สาวิกา เข้ามาในเรือนจำ ผมยาวถึงกลางหลัง ตอนนี้ก็ตัดให้สั้นลงแต่ยังสามารถรวบผมได้ เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย ง่ายต่อการทำความสะอาด ส่วนประเด็นสีผมนั้นหากผมขาวก็ย้อมให้เป็นสีดำได้ แต่ย้อมเป็นสีแฟชั่นไม่ได้ เพื่อความเป็นระเบียบ ไม่ให้เกิดความแตกต่าง นายอายุตม์ยังกล่าวว่า เรือนจำไม่ได้ให้สิทธิพิเศษกับผู้ต้องขังรายใด ทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎระเบียบเรือนจำ ถ้าให้สิทธิพิเศษใคร ผู้ต้องขังรายอื่นๆ ก็จะมีการร้องเรียน ทุกอย่างมีขั้นตอนของกรมราชทัณฑ์ ในเรื่องของการทำมาตรฐานการปฏิบัติงานหรือ (Standard Operating Procedures : SOPs) “การที่มีการพูดหรือสื่อสารออกไปสู่สาธารณะแล้วทำให้กรมราชทัณฑ์เสียหายนั้น ทางฝ่ายกฎหมายของกรมราชทัณฑ์ ก็จะต้องดำเนินการตามขั้นตอน […]

ราชทัณฑ์ แจงไม่มีแชทลับ “อดีตผกก.โจ้” ยันไร้สิทธิพิเศษเหนือนักโทษคนอื่น

เมื่อวันที่ 4 ส.ค.65 นายธวัชชัย ชัยวัฒน์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ และโฆษกกรมราชทัณฑ์ ชี้แจงกรณีนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ อ้างถึงแชทลับที่เผยว่า อดีตผู้กำกับโจ้ ได้รับสิทธิพิเศษเหนือผู้ต้องขังรายอื่นในเรือนจำ พร้อมมีอำนาจสั่งย้ายผู้คุมได้นั้น กรมราชทัณฑ์ชี้แจงว่า อดีตผู้กำกับโจ้ ปัจจุบันถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำกลางคลองเปรม ได้รับการปฏิบัติเหมือนผู้ต้องขังทั่วไป ไม่มีอภิสิทธิ์หรือได้รับสิทธิพิเศษเหนือผู้ต้องขังรายอื่นตามที่เป็นข่าว เนื่องจากผู้ต้องขังทุกรายเมื่ออยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของกรมราชทัณฑ์ ย่อมได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน ตามกฎหมายและหลักสิทธิมนุษยชน ซึ่งรวมถึงอดีตผู้กำกับโจ้ที่ย่อมได้รับการปฏิบัติเช่นเดียวกับผู้ต้องขังรายอื่นๆ และไม่ได้มีอำนาจในการสั่งย้ายผู้คุมหรือเจ้าหน้าที่รายหนึ่งรายใดแต่อย่างใด ทั้งนี้ กรมราชทัณฑ์ ขอเรียนเพิ่มเติมว่า ภายในเรือนจำและทัณฑสถานทุกแห่ง ผู้ต้องขังทุกรายไม่สามารถใช้โทรศัพท์มือถือ หรืออุปกรณ์สื่อสารใดได้ ดังนั้น กรณีแชทลับที่ถูกกล่าวถึง จึงไม่ได้ถูกส่งมาจากอดีตผู้กำกับโจ้ ซึ่งอยู่ภายในเรือนจำฯ รวมถึงการสนทนาผ่านแชทดังกล่าว เป็นการสื่อสารของบุคคลภายนอกไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้ต้องขังภายในเรือนจำแต่อย่างใด   ข่าวจาก : ข่าวสด

ราชทัณฑ์เปิดเยี่ยมญาติ ต้องจองคิวล่วงหน้า ได้รับวัคซีนครบ-ไม่พบเชื้อ

ราชทัณฑ์ เปิดให้เยี่ยมญาติแบบปกติ แต่ญาติต้องจองคิวเยี่ยมล่วงหน้า ได้รับวัคซีนครบโดส แสดงผลการตรวจว่าไม่พบเชื้อ เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น ตามประกาศผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ของกระทรวงสาธารณสุข รวมถึงเรือนจำและทัณฑสถานต่างๆ สามารถบริหารจัดการสถานการณ์การแพร่ระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตามแนวทางของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ภายในสถานที่ควบคุมของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม หรือ ศบค.ยธ. และศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กรมราชทัณฑ์ หรือ ศบค.รท. ทั้งยังเป็นการผ่อนคลายความตึงเครียดให้กับผู้ต้องขังในเรือนจำและทัณฑสถาน จึงเปิดให้มีการเยี่ยมญาติได้ตามความพร้อมของเรือนจำและทัณฑสถานแต่ละแห่งตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป และต้องแจ้งให้กรมราชทัณฑ์ทราบก่อนดำเนินการเปิดเยี่ยม ภายใต้มาตรการเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้ออย่างเคร่งครัด ประกอบด้วย 1.ญาติที่จะเข้าเยี่ยมต้องจองคิวเยี่ยมล่วงหน้า และต้องได้รับวัคซีนครบตามแนวทางที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด พร้อมแสดงหลักฐานยืนยันว่าปลอดเชื้อไวรัสโควิด-19 ด้วยวิธี ATK หรือ RT-PCR ภายในระยะเวลา 24 ชั่วโมงก่อนเข้าเยี่ยม และต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยอย่างถูกต้องตลอดเวลาที่อยู่ในพื้นที่ 2.ผู้ต้องขังที่จะได้รับการเยี่ยม จะต้องไม่ใช่ผู้ต้องขังที่อยู่ระหว่างการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือผู้ต้องขังที่สัมผัสเสี่ยงสูง 3.จัดระบบการเข้าเยี่ยมเป็นรอบ โดยในระยะแรก จำกัดจำนวนการเยี่ยมไม่เกินวันละ 5 รอบ และให้เยี่ยมได้ไม่เกินรอบละ 15 […]

ราชทัณฑ์ ไล่ออก-ปลดออก 5ผู้คุม ประพฤติชั่วร้ายแรง-มีมลทินมัวหมอง

ราชทัณฑ์ ลงดาบไล่ออก-ปลดออก-ให้ออก 5 ผู้คุมเรือนจำ เผย ประพฤติชั่วร้ายแรง-ทุจริตต่อหน้าที่-มีมลทินมัวหมอง เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่ข้าราชการรายอื่น วันที่ 4 มี.ค.2565 นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยถึงผลการประชุมคณะอนุกรรมการสามัญประจำกรมราชทัณฑ์ (อ.ก.พ.) ครั้งที่ 3/2565 ที่พิจารณาลงโทษข้าราชการที่ทำผิดวินัย มีพฤติการณ์ที่เสื่อมเสีย ทำให้ประชาชนเกิดความไม่เชื่อมั่นในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ โดยที่ประชุมมีมติลงโทษข้าราชการที่กระทำผิดวินัย จำนวนทั้งสิ้น 5 ราย ประกอบด้วย ไล่ออกจากราชการ 2 ราย ปลดออกจากราชการ 1 ราย และให้ออกจากราชการ 2 ราย ดังนี้ 1.กรณีประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง 2 กรณี โดยมีพฤติการณ์ คือ ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมข้อหายาเสพติด (ยาไอซ์) อยู่ระหว่างเข้ารับการบำบัดฟื้นฟู (มติ อ.ก.พ. ปลดออกจากราชการ 1 ราย) และถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมข้อหายาเสพติด (ยาบ้า) ขณะส่งตัวไปเข้ารับการบำบัดและคุมประพฤติแต่ยังมีพฤติการณ์เสพยาเสพติดระหว่างการบำบัด (มติ อ.ก.พ. ไล่ออกจากราชการ 1 […]

ราชทัณฑ์ ยัน ไม่มีนโยบายบังคับขู่เข็ญ-ทำร้ายผู้ต้องขังให้ทำงาน

ราชทัณฑ์ ยันไม่มีนโยบายบังคับขู่เข็ญ-ทำร้ายผู้ต้องขังให้ทำงาน แจง นโยบายเน้นหนักด้านพัฒนาพฤตินิสัย ด้วยการให้โอกาส-เพิ่มทักษะอาชีพสุจริต วันที่ 24 ธ.ค.2564 นายธวัชชัย ชัยวัฒน์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ และโฆษกกรมราชทัณฑ์ กล่าวชี้แจงกรณีมีการเผยแพร่ข่าวเกี่ยวกับการบังคับขู่เข็ญหรือทำร้ายผู้ต้องขังเพื่อให้ทำงานนั้น กรมราชทัณฑ์ขอสร้างความเข้าใจต่อสังคม ว่า การฝึกวิชาชีพ และการให้ผู้ต้องขังได้มีโอกาสทำงานเพื่อเพิ่มทักษะ ในวิชาชีพเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาพฤตินิสัย โดยมีความมุ่งหวังให้ผู้ต้องขังมีความรู้และทักษะ เพื่อนำไปประกอบอาชีพที่สุจริตภายหลังพ้นโทษ นายธวัชชัย กล่าวต่อว่า กรณีที่ข่าวกล่าวถึงเฉพาะงานบางประเภท อาจจะไม่สะท้อนภาพรวมเท่าใดนัก ในความเป็นจริงแล้ว ก่อนที่จะมีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ผู้ต้องขังได้รับโอกาสในการทำงานที่หลากหลาย เช่น การฝึกเป็นผู้ให้บริการข้อมูลผ่านโทรศัพท์ (คอลเซ็นเตอร์) ได้รับเงินรางวัลปันผล จำนวน 4,262 บาท/คน/เดือน, การฝึกวิชาชีพทำเบเกอรี่ ที่ได้รับเงินรางวัลปันผล จำนวน 13,882 บาท/คน/เดือน, การฝึกอาชีพคาร์แคร์ได้รับปันผล 1,462 บาท/คน/เดือน และการฝึกวิชาชีพคัดแยกผลไม้อบแห้ง ได้รับปันผล 3,420 บาท/คน/เดือน เป็นต้น นายธวัชชัย กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ ขึ้นกับความรู้พื้นฐานของผู้ต้องขัง ขีดความสามารถ ความพร้อมด้านร่างกาย และจิตใจของผู้ต้องขัง รวมถึงความต้องการ […]

ราชทัณฑ์ เตรียมเปิดให้ญาติเยี่ยมนักโทษ ภายในเดือน พ.ย

‘สมศักดิ์’​ วางแผนเตรียมเปิดให้ญาติเยี่ยมนักโทษภายในเดือนพ.ย. เริ่มจากคุกที่ฉีดวัคซีนเข็มสองครบแล้ว พร้อมให้เรือนจำพัฒนาระบบฝากเงินออนไลน์ให้ผู้ต้องขังซื้อของใช้ ที่จำเป็นได้ตามสิทธิมนุษยชน 23 ต.ค. 2564 – นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงสถานการณ์โควิด-19 ในเรือนจำว่า ขณะนี้สถานการณ์ถือว่าเราควบคุมและจัดการได้ดี เพราะพบผู้ติดเชื้อน้อยลงมาก การเสียชีวิตจากโควิดก็ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยมากกว่าพื้นที่ข้างนอกแล้ว โดยตนได้สั่งให้กรมราชทัณฑ์สต็อกยาฟ้าทะลายโจรให้ผู้ต้องขัง ขณะนี้มี 71 แคปซูลต่อคน และผู้ต้องขังได้รับการฉีดวัคซีนเข็มแรกครบหมดแล้ว และเข็มสองจะเสร็จภายในเดือน ต.ค.นี้ “ผมเตรียมแผนแล้วว่าภายในเดือน พ.ย. จะอนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมผู้ต้องขังได้อีกด้วย ขณะนี้ได้ให้กรมราชทัณฑ์ไปพิจารณาเตรียมความพร้อมหาวันที่เหมาะสมแล้วในส่วนของเรือนจำที่ไม่มีการระบาดและได้รับวัคซีนหมดแล้ว ส่วนเรือนจำที่เพิ่งพ้นการระบาดจะต้องรอการฉีดวัคซีนกระตุ้นให้ผู้ต้องขังที่หายจากการติดเชื้อภายใน 1-3 เดือน เมื่อฉีดวัคซีนครบก็อยากให้ญาติพี่น้องได้พบปะกันเสียที” นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังได้ให้เรือนจำทุกเรือนจำไปพัฒนาระบบการฝากเงินออนไลน์ให้แก่ญาติของผู้ต้องขัง เพื่อให้ผู้ต้องขังสามารถซื้อของใช้ที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิตได้อย่างสะดวกตามสิทธิมนุษยชน เพราะที่ผ่านมาในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด เรือนจำไม่ได้มีการเปิดให้เยี่ยมญาติ ดังนั้นเราจึงควรพัฒนาระบบใหม่ๆให้ทันสมัยรองรับตามโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วด้วย.   ข่าวจาก : thaipost

ราชทัณฑ์ รับ มีการเรียกรับเงินถอดกำไล EM จริง แต่เป็นนักโทษเก่าแอบอ้างเป็น จนท.

ราชทัณฑ์ รับ มีการเรียกรับเงินถอดกำไล EM จริง แต่เป็นนักโทษเก่าที่พ้นโทษไปแล้ว แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ หลอกคนที่เพิ่งพ้นโทษอีกที พร้อมชี้แจงประเด็นอื่น ๆ เช่น เรือนจำไม่มีมาตรฐาน เรียกรับผลประโยชน์ต่าง ๆ วันที่ 4 กันยายน 2564 แนวหน้า รายงานว่า นายธวัชชัย ชัยวัฒน์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ในฐานะโฆษกกรมราชทัณฑ์ ออกมาระบุถึงกรณีเพจทนายคลายทุกข์ ซึ่งมีการเชิญผู้ร่วมรายการ 2 ราย ออกมาระบุว่าเคยเป็นผู้ต้องขังที่เรือนจำกลางสมุทรปราการ และเรือนจำพิเศษธนบุรี โดยอ้างว่าเจ้าหน้าที่ของเรือนจำมีพฤติกรรมเรียกรับผลประโยชน์ การดำเนินการของเรือนจำไม่มีมาตรฐานในการควบคุมผู้ต้องขัง อีกทั้งยังถูกหลอกเรื่องการถอดกำไล EM ว่าต้องมีการเสียเงินเพื่อถอดก่อนกำหนดคุมประพฤติ นายธวัชชัย ระบุว่าทางกรมราชทัณฑ์ ไม่ได้นิ่งนอนใจ เนื่องจากเป็นการกล่าวหาต่อการปฏิบัติหน้าที่อันมิชอบของเจ้าหน้าที่ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ขององค์กรและความเชื่อมั่นของประชาชน โดยได้สั่งการให้เรือนจำทั้งสองแห่งรีบตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยเร็ว โดย นายยุทธนา นาคเรืองศรี ผู้บัญชาการเรือนจำกลางสมุทรปราการ ระบุว่า เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่อดีตผู้ต้องขังออกมากล่าวหานั้น ช่วงเวลานั้นตนยังไม่เข้ามาดำรงตำแหน่ง แต่ก็ได้ตรวจสอบแล้ว มีรายละเอียดดังนี้ – มีการเรียกรับผลประโยชน์จากการถอดกำไล EM จริง […]

ราชทัณฑ์แจงไม่มีชื่อ ผู้คุม-ผู้ต้องขัง ให้ญาติโอนเงินค่ารักษานักโทษป่วยโควิด

ราชทัณฑ์แจงไม่มีชื่อ ผู้คุม-ผู้ต้องขัง แอบอ้างให้ญาติโอนเงินค่ารักษานักโทษป่วยโควิด เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน จากกรณีผู้สื่อข่าวได้รับเรื่องร้องเรียนจาก น.ส.เกศินี (สงวนนามสกุล) อายุ 30 ปี ภรรยาของนักโทษซึ่งถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำกลางฉะเชิงเทรา มีโทรศัพท์ติดต่อเข้ามาโดยอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่เรือนจำกลางฉะเชิงเทรา ชื่อนายเอ (นามสมมุติ) สามีของตนติดเชื้อโควิด-19 ภายในเรือนจำ มีค่ารักษาเป็นเงิน 9,000 บาท จากนั้นให้ตนโอนเงินค่ารักษาไป โดยให้โอนเข้าบัญชีชื่อนายภิทักษ์พงษ์ สุขสบาย นั้น กรมราชทัณฑ์ขอเรียนว่า ได้ดำเนินการตรวจสอบไปยังเรือนจำกลางฉะเชิงเทราแล้ว ไม่พบว่ามีชื่อนายภิทักษ์พงษ์ สุขสบาย เป็นเจ้าหน้าที่หรือผู้ต้องขังแต่อย่างใด โดยเบื้องต้นแจ้งให้ น.ส.เกศินี (สงวนนามสกุล) เข้าแจ้งความเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายเรียบร้อยแล้ว กรมราชทัณฑ์จึงขอให้ญาติผู้ต้องขังและประชาชนทั่วไป อย่าได้หลงเชื่อการแอบอ้างจากมิจฉาชีพในทุกรูปแบบ เนื่องจากกรมราชทัณฑ์ไม่มีนโยบายเรียกรับเงินจากญาติ เพื่อมาดำเนินการต่างๆ ให้กับผู้ต้องขังแต่อย่างใด ญาติสามารถติดตามข้อมูลข่าวสาร หรือสอบถามข้อมูลโดยตรงจากกรมราชทัณฑ์ โดยสามารถติดตามได้ที่แฟนเพจ Facebook : ประชาสัมพันธ์ กรมราชทัณฑ์, Line ID : @thaidoc, Instagram : pr_correction และ Twitter […]

error: