ปู่เจ้าก็วิกฤต! รพ.ขอรับบริจาค เหตุ30บาทรัฐไม่อุดหนุน ทำขาดทุน

Advertisement จากกรณี รพ.มงกุฎวัฒนะ ยกเลิกรับบัตรทองส่งต่อคลินิกปฐมภูมิ ตั้งแต่ 1 พ.ย.นี้ ด้วย เหตุ สปสช.ติดหนี้ 20 ล้าน (อ่านต่อ : https://www.thaijobsgov.com/jobs/425258/) Advertisement 28 ต.ค.67 นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยว่า เบื้องต้นเท่าที่ดูข้อมูลตามที่ รพ.มงกุฎวัฒนะได้หารือมานี้ มองว่าเป็นปัญหาที่สามารถพูดคุยและบริหารจัดการได้ ทั้งในส่วนของค่าบริการผู้ป่วยนอกรับส่งต่อ (OP Refer) และบริการปฐมภูมิไปที่ไหนก็ได้ (OP Anywhere) รวมถึงการจ่ายค่าบริการตามรายการบริการ (Fee schedule :FS) ซึ่ง สปสช. มีขั้นตอนในการดำเนินการ โดยเฉพาะการตรวจสอบข้อมูลการเบิกจ่าย ที่อาจทำให้ในบางส่วนเกิดความล่าช้าต่อหน่วยบริการได้ รวมถึงประกาศหลักเกณฑ์และข้อบังคับต่าง ๆ ที่ทำให้เกิดผลกระทบในภายหลังขี้น อย่างไรก็ดี เพื่อให้เกิดการแก้ปัญหานี้โดยเร็ว และไม่ให้ผู้ป่วยสิทธิบัตรทองได้รับผลกระทบ ได้ตั้งคณะทำงานเพื่อหารือร่วมกับ รพ.มงกุฎวัฒนะ ในการหาข้อยุติของปัญหาต่าง ๆ ร่วมกันแล้ว ทั้งในส่วนของเบิกจ่ายชดเชย การขึ้นทะเบียนหน่วยบริการ เป็นต้น […]

งบฯ “บัตรทอง 30 บาท” ติดลบ! รพ.แจ็กพอตโดน 3 เด้ง

งบฯบัตรทอง 30 บาทติดลบ การจัดสรรและบริหารงบประมาณกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือบัตรทอง 30 บาทนั้น  จะแบ่งเป็นงบฯส่วนต่างๆหรืออาจเรียกว่ากองทุนย่อย อาทิ บริการสาธารณสุขเหมาจ่ายรายหัว ,บริการผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์ ,บริการผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง,บริการผู้ป่วยโรคเรื้อรัง,งบเพิ่มเติมพื้นที่กันดารและเสี่ยงภัย,บริการผู้ที่มีภาวะพึ่งพิง ,บริการระดับปฐมภูมิที่มีแพทย์ประจำครอบครัว,บริการสร้างเสริมสุขภาพป้องกันโรค และเงินช่วยเหลือเบื้องต้นผู้รับและผู้ให้บริการ เป็นต้น 5ปีย้อนหลัง ภาพรวมงบฯติดลบ 2 ปี “กรุงเทพธุรกิจ”ได้มีการตรวจสอบผลการเบิกจ่ายงบกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือบัตรทอง 30 บาท ย้อนหลัง 5 ปี ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2562-2566 จาก “รายงานการสร้างระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ” จัดทำโดยสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) พบว่า ภาพรวมการเบิกจ่ายงบประมาณ มีการติดลบ 2 ปี คือ ปีงบประมาณ 2564 และ 2566 โดย ปีงบประมาณ 2564 เบิกเกินกว่าที่ได้รับจัดสรร ภาพรวมติดลบ ราว 1,888 ล้านบาท ส่วนกองทุนย่อยที่ติดลบ ได้แก่  บริการผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์  เบิกเกินราว 1,059 ล้านบาท […]

‘บิ๊กตู่’ยันใครชอบสิทธิรักษา30บาทไม่เคยตำหนิ แต่ถ้าให้กันหมดประเทศคงล้มละลาย

  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวว่า เรื่องสาธารณสุข  ถ้าหลายคนยังชอบนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค ไม่เคยตำหนิ แต่ต้องมาดูว่าจะทำให้ดีขึ้นอย่างไร ท่านต้องเปรียบเทียบว่ามีอะไรดีขึ้นแล้วบ้าง ถ้าให้ทุกอย่างหมดบางทีประเทศจะล้มละลายได้ ก็ต้องมีการแบ่งในเรื่องประเภทของยา ประเภทของโรค ปลดล็อกไปเรื่อยๆ ตามกำลังเงินที่เรามีอยู่ “ถ้าให้ทั้งหมดบางทีก็ลำบากและคนอื่นก็จะไม่ได้ ประเทศไทยทำได้ก็เก่งแล้ว หลายประเทศรวยกว่าเราเขาไม่ทำ และทำไม่ได้ เพราะรู้ว่าปัญหามีเยอะ แต่เราต้องทำต่อ ขอให้นึกถึงสิ่งที่ดีขึ้นมาบ้าง คิดแต่จะเลิกอยู่นั้นแหล่ะ เลิกไปแล้วจะทำต่อได้อย่างไร โรงพยาบาลจะมีปัญหา” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลที่มีอยู่ 9 พันกว่าตำบล เราจะต้องให้ความสำคัญ เพื่อแบ่งเบาภาระของโรงพยาบาลประจำจังหวัด โดยจะต้องเพิ่มอำนาจโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลให้ดีขึ้น รัฐบาลได้ให้งบประมาณไปปรับปรุงเครื่องไม้ เครื่องมือ ที่พัก แพทย์ พยาบาลต่างๆ เขาไม่เคยได้มานานไม่รู้กี่รัฐบาลแล้ว วันนี้คนไปรักษาแต่ที่โรงพยาบาลใหญ่ ซึ่งบางคนเป็นโรคเล็กน้อยแต่เขาไม่รู้ เขาไปโรงพยาบาลใหญ่ เพราะเขาเชื่อมั่น เราจึงต้องไปแก้ไขและทำความมั่นใจให้กับโรงพยาบาลข้างล่าง ให้ความสำคัญกับระบบป้องกันสุขภาพ เวชศาสตร์การป้องกัน ถ้าคนไทยทุกคนเป็นโรคน้อยลงแข็งแรงมากขึ้น คนที่เป็นโรคอย่างไรก็เป็น แต่คนที่ยังไม่เป็นต้องพยายามที่จะทำให้ไม่เป็น เพราะมันเป็นภาระของตัวเองและครอบครัว และถ้าคิดให้ยาวรัฐบาลต้องแบกรับตรงนี้เยอะ คนที่เขาต้องการรักษาพยาบาลจริง […]

‘บิ๊กตู่’ บ่น พอรัฐมีนโยบายรักษาฟรี คนก็ไม่ดูแลสุขภาพ-หงุดหงิดคนจับผิดเขียน’สร้าง’เป็น ‘สร่าง’

  เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 10 ก.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เป็นประธานพิธีในพิธีลงนามข้อตกลงความร่วมมือระหว่างสำนักงานก.พ.และหัวหน้าส่วนราชการเพื่อสนับสนุนกลไกการปฎิบัติงานในโครงการเชิงยุทธศาสตร์/โครงการสำคัญระดับประเทศ พร้อมร่วมเป็นสักขีพยานและแสดงปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “หนึ่งองศาขยับ ปรับเปลี่ยนประเทศไทย : กำลังคนคุณภาพกับการปฏิรูปประเทศเชิงบูรณาการ” โดยมีข้าราชการจากหลายหน่วยงานเข้าร่วม 500 คน โดยนายกฯ กล่าวตอนหนึ่งว่า “วันนี้จะบังคับตัวเองให้พูดช้าลง ต้องเตือนตัวเอง พูดช้าๆ พูดเพราะๆ อย่าหงุดหงิด และวันนี้รู้สึกเจ็บคอ” แต่อย่างไรก็ตามเราต้องมองเป้าหมายระยะยาว เพราะ 1 องศา ก็จะขยับปรับเปลี่ยนประเทศไทย องศา มี 2 อย่าง องศาแรก คือองศา อุณหภูมิความร้อน ส่วนองศาที่สองคือการกำหนดทิศทาง สำหรับตนจะต้องทำทุกอย่างให้ตื่นตัวมากขึ้น กระตุ้นให้ทุกคนมีทั้งแรงกาย และแรงใจในการแก้ไขปัญหาประเทศ ซึ่งอาจจะต้องร้อนขึ้นมาหน่อย ในเรื่องของทิศทางเรามีการเปลี่ยนแปลงมาตลอดเวลา 80 ปีของประชาธิปไตย บางครั้งก็เดินเส้นทางตรงตามกฎหมายต่างๆ แต่บางครั้งเราก็ต้องปรับเปลี่ยนทิศทางบ้าง แต่ถ้าเปลี่ยนเยอะก็อาจจะมีปัญหาจากการยอมรับของประชาชน และทุกคนยังเข้าใจไม่ตรงกัน เนื่องจากทุกคนยังมีความลำบากยากจน มีความเหลื่อมล้ำไม่ได้รับความเป็นธรรม […]

error: