กยศ.ตั้งเป้าปี64 หักเงินเดือนผู้กู้ได้ครบทุกคน
Advertisement Advertisement
Advertisement Advertisement
สาวกู้ กยศ. ขอช่วยลุงเบิร์ด ผ่อนให้เดือนละ 2,000 บาท หลังตกเป็นข่าว พร้อมวอนให้ลบรูปจากเฟซบุ๊ก หวั่นมีปัญหากับที่ทำงาน กลัวโดนไล่ออก จากกรณี นายธงชัย พุ่มพวง หรือ ลุงเบิร์ด อดีตข้าราชการสำนักส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรเขต 6 เชียงใหม่ ได้มีการโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก หลังต้องตกเป็นหนี้และกำลังจะถูกยึดบ้าน เพราะอดีตเมื่อปี 2547 ได้ไปค้ำประกัน กยศ. ให้กับลูกของเพื่อน จำนวนเงิน 80,000 บาท แต่หลังเรียนจบกลับไม่ชำระ จนปัจจุบันยอดเงินได้เพิ่มเป็น 120,000 บาท เจ้าตัวจึงต้องเป็นคนใช้หนี้แทนเดือนละ 6,000 บาท ตามที่มีรายงานไปแล้วนั้น (อ่านย้อนหลัง : ข้าราชการบำนาญโวย ต้องใช้หนี้ กยศ. แทนหลาน นสพ.ตระกูลดังภาคเหนือ หนี้พอกจากหลักหมื่นเป็นแสน บ้านโดนยึด(มีคลิป)) ล่าสุด (27 กุมภาพันธ์ 2562) รายการเรื่องเด่นเย็นนี้ ทางช่อง 3 รายงานความคืบหน้าว่า นางสาวขวัญ ผู้ที่กู้ กยศ. […]
ผู้สื่อข่าว cm108.com สื่อรายงานข่าวจังหวัดเชียงใหม่ รายงานว่า มีผู้ใช้เฟซบุ๊กท่านหนึ่งชื่อ “” ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความว่า “หลังเกษียณอายุราชการแล้ว นึกว่าจะสบาย กรรมเก่าแต่ชาติปางก่อนตามมาทันแล้ว..ค้ำประกัน กยศ.หวังให้ลูกเพื่อนเรียนจบ..แต่ตรงกันข้าม จบแล้วไม่ยอมส่งสะงั้น เงินต้น 8 หมื่นบาท เพิ่มเป็น 1.2 แสนบาท.แถมคนที่กู้เป็นหลาน นสพ.ตระกูลดังในภาคเหนืออีก..ตอนนี้ สนง.บังคับคดียึดบ้านที่ผมอยู่อาศัยแล้ว ครอบครัวระหองระแหง..เอ้อหนอ เวรกรรมที่เห็นในชาตินี้” ซึ่งทางผู้เสียหายได้โพสต์ภาพพร้อมคลิปนี้ลงเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยตนนั้นเป็นข้าราชการบำนาญ เมื่อก่อนได้ค้ำประกันเงินกู้ กยศ. ให้กับลูกของเพื่อน หวังให้ลูกเพื่อนได้เรียนจบ แต่กลับกลายเป็นว่าพอเรียนจบ กลับไม่ยอมใช้หนี้ กยศ. โดยปล่อยเวลาผ่านมากว่า 9 ปี จากเงินต้น 8 หมื่นบาท เพิ่มเป็น 1.2 แสนบาท อีกทั้งตอนนี้บ้านของคุณลุงยังถูกยึดไปแล้วอีกด้วย และในคลิปยังได้บอกถึงเหตุผลที่ต้องออกมาเรียกร้องแบบนี้ เพราะทนไม่ไหวแล้วที่ต้องเสียเงินให้คนอื่นโดยใช่เหตุ ทั้งที่ต้องใช้เงินเลี้ยงครอบครัว เดือนหนึ่งต้องจ่ายสองพันกว่าบาท จึงจำเป็นต้องออกมาทำแบบนี้ ตอนนี้โดนยึดเงินไปแสนกว่าบาท เงินต้นแปดหมื่นกว่าบาท แต่พอเรียนจบก็ไม่ยอมใช้คืนเป็นเวลานานกว่า 9 ปี ตอนนี้ก็โดนกรมบังคับคดียึดบ้าน […]
เราต่างทราบกันดีว่า กยศ. เป็นกองทุนที่สร้างประโยชน์ให้บัณฑิตจำนวนมากได้มีอนาคตที่ดีด้วยการกู้ยืมเงินมาจ่ายค่าเทอมก่อนแล้วค่อยผ่อนใช้เมื่อถึงวัยทำงาน แต่เพราะช่องโหว่ที่ กยศ.ยังไม่รัดกุมพอ ประกอบกับการหักเงินที่แสนจะถูก ดอกเบี้ยก็ถูก ทำให้ลูกหนี้จำนวนไม่น้อยเหนียวหนี้ หนีหนี้ ไม่ยอมจ่ายไปเลย โดยคิดเสียว่าอย่างไรก็คงไม่โดนอะไรมาก แต่สำหรับล็อกอิน นางพญามารเมฆไฟ ซึ่งเป็นลูกหนี้ กยศ.คนหนึ่ง รู้ซึ้งถึงพระคุณ กยศ.เป็นอย่างดี เธอจึงผ่อนชำระมาเรื่อยอย่างไม่ขาด และล่าสุดนี้เธอก็เพิ่งพบความจริงว่าทางกองทุนฯ สุดจะเมตตาต่อวัยทำงานถึงขนาดที่ "ในการปิดบัญชีกยศ.ต้องจ่ายตรงตามยอดเท่านั้นจึงจะสามารถปิดได้ไม่สามารถจ่ายเกินยอดได้" จึงอยากจะชวนลูกหนี้ทั้งหลายชำระเงิน กยศ.เสียทีเถอะ ให้สมกับที่เขาเมตตาต่ออนาคตทางการศึกษาของหลายคน ตอนเรียนมหาวิทยาลัยเรากู้กยศ.เรียนตลอด 4 ปี ยอดกู้ประมาณ 160,000 บาท เงินจำนวนนี้จบออกมาทำงานในสายงานของเรา(ล่ามภาษาญี่ปุ่น)ไม่กี่ปีก็สามารถปิดได้สบายๆแต่เราอยากให้กยศ.ได้ดอกเบี้ยจึงเลือกวิธีผ่อนชำระตามเกณฑ์กยศ.ไปเรื่อยๆเพราะเรารู้ว่าดอกเบี้ยกยศ.ไม่ได้มากมายอะไรนัก อยากให้เขาได้ดอกเบี้ยเอาไปต่อยอดเพิ่มเงินกองทุนบ้างจึงไม่รีบปิด ตามกำหนดถ้าเราผ่อนตามเกณฑ์กยศ.ไปเรื่อยๆเราจะปิดบัญชีในปี 2563 มาในปีนี้เราคิดว่าอยากเปลี่ยนสายงานแล้วเราเลยคิดว่าจะปิดเงินกู้กยศ.เสียทีเพราะมันเหลืออีกเพียงห้าหมื่นนิดๆเท่านั้น เราจ่ายงวดแรกตามกำหนดจ่ายเงินของกยศ.ปีนี้ก่อน 40,000 ในช่วงปลายเดือนมิถุนายน เหลือยอดอีกประมาณหมื่นนิดๆพอมาปลายปีเราก็จัดการไปปิดเลย กยศ.ให้สแกนQR codeเพื่อชำระเงินได้ แต่ด้วยความตั้งใจของเราอยากสมทบเงินให้กับกยศ.ด้วย เพราะเราถือว่าที่เรามีเงินมีทองใช้ทุกวันนี้ให้แม่ได้สุขสบายก็เพราะเงินส่วนนี้ของกยศ.ให้เราได้เรียนในสายงานที่หางานทำได้ง่ายและเป็นที่ต้องการของตลาดเราอยากจ่ายเกินเพื่อเป็นการสมทบให้ แต่เรากดจ่ายเท่าไหร่ก็ไม่ได้เลย เราจึงต้องไปชำระที่ธนาคารกรุงไทยแทน จึงได้ทราบจากพนักงานว่า "ในการปิดบัญชีกยศ.ต้องจ่ายตรงตามยอดเท่านั้นจึงจะสามารถปิดได้ ไม่สามารถจ่ายเกินยอดได้" เราจึงต้องชำระตามยอดคงค้างที่เหลือ ตอนที่เราปิดดอกเบี้ยแค่ 31.75 บาทเท่านั้นเอง ช่างน้อยนิดเสียเหลือเกิน เรามาเช็คสถานะบัญชี […]
ดีเดย์ 1 ธ.ค. เป็นต้นไป พร้อมแล้ว เริ่มหักเงินเดือนข้าราชการ-ลูกจ้างประจำ ลูกหนี้ กยศ. 1.6 แสนราย ในส่วนราชการทั้ง 225 แห่งทั่วประเทศ เมื่อวันที่ 11 ต.ค. น.ส.สุทธิรัตน์ รัตนโชติ อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า ได้แจ้งให้ส่วนราชการที่เข้าร่วมโครงการจ่ายเงินเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารของข้าราชการและลูกจ้างประจำโดยตรงทุกแห่ง เตรียมดำเนินการหักเงินเดือนหรือค่าจ้างประจำของผู้ที่กู้ยืมกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ภายในหน่วยงานของตน ก่อนโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารของแต่ละคนต่อไป โดยจะเริ่มหักเงินเพื่อชำระหนี้ กยศ. ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. 2561 เป็นต้นไป ทั้งนี้ ตั้งแต่เดือนก.ค. 2561 ที่ผ่านมา กรมบัญชีกลางได้เริ่มเป็นหน่วยงานนำร่องในการหักเงินเดือนของข้าราชการและลูกจ้างประจำ ผ่านระบบจ่ายตรงเงินเดือนและค่าจ้างประจำของกรมบัญชีกลาง เพื่อชำระหนี้เงินกู้ยืมคืนให้แก่กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ซึ่งขณะนี้ระบบดังกล่าวมีความพร้อมในการรับข้อมูลลูกหนี้และสามารถหักเงินเดือนของลูกหนี้ กยศ. จำนวนกว่า 1.6 แสนราย จากส่วนราชการทั้ง 225 แห่งทั่วประเทศ. ข่าวจาก : ไทยรัฐออนไลน์
เมื่อวันที่ 5 ก.ย. น.ส.วิภา บานเย็น อายุ 47 ปี ผู้บริหารโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.กำแพงเพชร เปิดเผยความคืบหน้า กรณีที่ตนค้ำประกันกองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา(กยศ.) ให้นักเรียนที่เป็นผู้กู้ยืมตั้งแต่ปี 2541-2542 จำนวน 60 ราย แต่มีลูกศิษย์จำนวน 20-30 ราย ที่ค้างชำระหนี้ กยศ. จนถึงขั้นบังคับคดีกับครูที่ที่เป็นผู้ค้ำประกัน ทำให้ครูวิภาเกือบถูกยึดทรัพย์ บ้าน ที่ดิน และแม้หลังจากออกข่าวไปมีลูกศิษย์บางรายเข้ามาชำระหนี้ รวมถึงมีหลายหน่วยงานเข้ามาช่วยเหลือ และเมื่อวันที่ 3 ก.ย.ที่ผ่านมา ตนได้ใช้ชำระหนี้คือ กยศ.แทนลูกศิษย์ไปเรียบร้อยแล้ว รวมเป็นเป็นเงินประมาณ 2.7 แสนบาท โดยได้รับความการช่วยเหลือ จากอดีตนายกเทศมนตรีนครแหลมฉบัง และคณะ พร้อมด้วย แม่ชี ผู้ว่าราชการจังหวัดกำแพงเพชร ผู้ใหญ่อีกหลายท่าน ได้ให้ความอนุเคราะห์ช่วยเหลือมา จึงนำเงินส่วนนี้ตั้งเป็นกองทุนชำระหนี้ กยศ. เพื่อช่วยเหลือสำหรับลูกศิษย์ ที่มีความเดือนร้อน และมีภาระไม่สามารถชำระหนี้ได้ ขณะนี้ได้นำเงินที่ตั้งเป็นกองทุน ปิดบัญชีให้กับลูกศิษย์ไปแล้ว 5 คน ที่ประสบปัญหาในชีวิตเดือดร้อนจริงๆ อย่างเช่น อยู่ในภาวะเจ็บป่วย และมีรายได้น้อยแบกรับภาระต้องเลี้ยงดูครอบครัวและพ่อแม่ที่ทุพพลภาพ […]
7 ส.ค.61 ราชกิจจาเผยแพร่ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการหักเงินได้พึงประเมิน เพื่อชำระเงินกู้ยืมคืนกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา ตามพระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา พ.ศ. 2560 โดยมีรายละเอียดดังนี้ อาศัยอำนาจตามความในวรรคหนึ่งของมาตรา 51 แห่งพระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา พ.ศ.2560 อธิบดีกรมสรรพากรกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขให้ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (1) แห่งประมวลรัษฎากร ให้พนักงานหรือลูกจ้างซึ่งเป็นผู้กู้ยืมเงินจากกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาหักเงินได้พึงประเมิน เพื่อชำระเงินกู้ยืมคืนให้กองทุน ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ในประกาศนี้ "กองทุน" หมายความว่า กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาตามพระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา พ.ศ.2560 "เงินกู้ยืม" หมายความว่า เงินกู้ยืมตามพระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา พ.ศ.2560 ข้อ 2 ให้ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (1) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งเป็นกระทรวงทบวง กรม สำนักงาน หรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐ ตามกฎหมายว่าด้วยการปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม หักเงินได้พึงประเมินของข้าราชการ และลูกจ้างประจำในสังกัด ซึ่งเป็นผู้กู้ยืมเงิน ตามจำนวนที่กองทุนแจ้งให้ทราบ แล้วนำส่งผ่านระบบของกรมบัญชีกลางตามกฎหมายว่า […]
นายศิริชัย สุวรรณแสบ ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดศรีสะเกษ ได้เปิดเผยว่า ช่วงนี้ กองเงินทุนเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา หรือ กยศ.ดำเนินการฟ้องลูกหนี้ซึ่งผิดนัดต่อศาลแล้ว และหากท่านใดได้รับหนังสือทั้งในฐานะผู้กู้ หรือผู้ค้ำประกัน ท่านก็สามารถที่จะมาติอต่อสอบถามข้อมูลได้ ซึ่งตอนนี้ศาลเรามีแนวทางในการช่วยเหลือก็คือ การให้คำแนะนำแก่คู่ความในการมาเจรจาตกลงกันไกล่เกลี่ยกัน ซึ่งท่านจะได้รับประโยชน์ก็คือ ท่านจะได้สิทธิ์ในการชำระดอกเบี้ยเพียงร้อยละ 1.บาทต่อปี โดยไม่ต้องเสียเบี้ยปรับ แต่หากท่านใดไม่มา ท่านจะต้องแบกภาระชำระดอกเบี้ยค่าปรับ อัตราร้อยละ 7.50 บาทต่อปี และจะต้องเสียค่าฤชาธรรมเนียม และค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีเองทั้งหมด ดังนั้นจึงอยากจะเชิญชวนให้ทุกท่านที่ได้รับจดหมายจากศาล เข้ามาเจรจาตกลงกันเพื่อท่านจะได้รบผลประโยชน์ตรงนี้ และภายหลังที่เจรจาไกล่เกลี่ยตกลงกันแล้ว ในระหว่างผ่อนชำระตามข้อตกลง กระบวนการในการบังคับคดีก็จะยังไม่เกิดขึ้น สามารถผ่อนชำระไปได้กว่า 9 เดือน แต่หากท่านไม่มา ศาลจำเป็นจะต้องพิจารณาบังคับคดีให้ท่านต้องชำระหนี้คืน กยศ.ภายในระยเวลา 1 เดือน จึงอยากเรียนเชิญทุกคน ข่าวจาก : เนชั่นทีวี