“กทม.”สอบพบทุจริตซื้อเครื่องออกกำลังกาย 25เจ้าหน้าที่มีเอี่ยว

Advertisement 30 ก.ค.67 กรุงเทพมหานครได้เปิดแถลงข่าว ความคืบหน้าการตรวจสอบเรื่องทุจริตของกรุงเทพมหานคร จากห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า) โดยมีการแถลงผลสืบสวนข้อเท็จจริงการจัดซื้อเครื่องออกกำลังกายของศูนย์กีฬา กทม. หลังจากที่ได้ครบกำหนดเวลาสอบสวน 30 วัน Advertisement ซึ่งทาง นายเอกวรัญญู อัมระปาล โฆษกกรุงเทพมหานคร และนายณัฐพงศ์ ดิษยบุตร รองปลัดกรุงเทพมหานคร ได้แถลงผลสืบสวนข้อเท็จจริงการจัดซื้อเครื่องออกกำลังกายของศูนย์กีฬา กทม. โดยจากการสืบสวนพบว่ามี เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำโครงการจัดซื้อเครื่องออกกำลังกาย และเกี่ยวข้องกับการพิจารณางบประมาณ รวมทั้งการดำเนินการจัดซื้อเครื่องออกกำลังกายทั้งหมด 25 ราย และลาออกจากราชการไปแล้ว 1 ราย โดยไม่มีข้อมูลยืนยันชัดเจนว่าผู้ที่เกี่ยวข้อง ในการจัดทำโครงการและพิจารณางบประมาณได้มีคำนึงถึงหลักความคุ้มค่า Advertisement ซึ่งการจัดซื้อเครื่องออกกำลังกายมีราคาแพงจริง ราคาสูงกว่าท้องตลาด รวมทั้งสูงกว่าที่เคยจัดซื้อเมื่อปีก่อน ในเรื่องของตัวสัญญามีการปรับสเป็กให้สูงขึ้น เช่น เพิ่มกำลังแรงม้า เพิ่มจอแสดงผล ไม่คำนึงถึงความเหมาะสมต่อการใช้งานจริง มีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในโครงการ จำนวน 25 ราย หลังการสืบสวน ได้มีคำสั่งย้ายผู้บริหารที่มีส่วนเกี่ยวข้องในกระบวนการจัดซื้อ ทั้ง 7 โครงการ ไปปฏิบัติงานประจำสำนัก ปลัด กทม. […]

งานวิจัยเผย เดินสัปดาห์ละ8,000ก้าว ลดความเสี่ยงการเสียชีวิตได้

สำนักข่าวจากประเทศญี่ปุ่น รายงานว่า ผู้ที่เดินอย่างน้อย 8,000 ก้าวต่อวัน เป็นเวลา 1-2 วันต่อสัปดาห์ มีความเสี่ยงการเสียชีวิตลดลง หลังผ่านไป 10 ปี ซึ่งใกล้เคียงกับคนที่เดินจำนวนก้าวเท่ากัน เป็นเวลา 3-7 วันต่อสัปดาห์ อย่างไรก็ตาม ไม่ได้มีการรายงานอย่างชัดเจนว่า ความเสี่ยงนี้จะแตกต่างกันอย่างไร หากพิจารณาจำนวนวันที่ออกเดิน โดยทีมนักวิจัยใช้ข้อมูลการสำรวจจากกระทรวงสุขภาพ และบริการมนุษย์ของสหรัฐ ที่จัดทำระหว่างปี 2548-2549 เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างจำนวนก้าวเดินต่อวันของกลุ่มคนอายุ 20 ปีขึ้นไป จำนวน 3,101 คน ซึ่งมีอายุเฉลี่ย 50.5 ปี กับความเสี่ยงการเสียชีวิตในอีก 10 ปีต่อมา ทั้งนี้กลุ่มคนที่เดินอย่างน้อย 8,000 ก้าวต่อวัน เป็นเวลา 0 วัน 1-2 วัน และ 3-7 วัน พบว่ากลุ่มที่เดิน 3-7 วัน มีอัตราการเสียชีวิตร้อยละ 16.5 ซึ่งต่ำกว่ากลุ่มที่ไม่ได้เดิน ขณะที่อัตราการเสียชีวิตของกลุ่มคนที่เดินเป็นเวลา 1-2 […]

ผลวิจัยชี ปี62 คนไทยตายก่อนวัย13,200คน เหตุ “กิจกรรมทางกาย” ไม่เพียงพอ

15 มี.ค. 2566 นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ปัจจุบันทั่วโลกกำลังเผชิญกับปัญหาโรคไม่ติดต่อ (NCDs) เช่น ความดันโลหิตสูง หลอดเลือดหัวใจ หลอดเลือดสมอง เบาหวาน มะเร็ง ฯลฯ เป็นสาเหตุหลักของการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร องค์การอนามัยโลกจึงกำหนดตัวชี้วัดเพื่อลดอัตราการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรจากโรคไม่ติดต่อ ให้ลดลงเหลือร้อยละ 25 ภายในปี 2568 ภายใต้ 9 เป้าหมายหลัก หนึ่งในนั้นคือ การมีกิจกรรมทางกายที่เพียงพอ ซึ่งกรมอนามัยได้ขับเคลื่อน ลดการมีกิจกรรมทางกายไม่เพียงพอ ร้อยละ 10 ดร.ทพญ.กนิษฐา บุญธรรมเจริญ หัวหน้าโครงการพัฒนาดัชนีภาระโรคแห่งประเทศไทย สำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ (IHPP) กล่าวว่า ผลศึกษาวิจัยภาวะโรคจากปัจจัยเสี่ยงของประชากรไทย ปี 2562 พบว่า การมีกิจกรรมทางกายไม่เพียงพอ หรือน้อยกว่า 150 นาทีต่อสัปดาห์ เป็นสาเหตุของการสูญเสียปีสุขภาวะ หรือปีที่มีสุขภาพดีของคนไทยที่มีอายุ 25 ปีขึ้นไป จาก 5 โรคไม่ติดต่อ คือ โรคหัวใจขาดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง […]

เพิ่งหายจากโควิดมาออกกำลังกาย จู่ ๆ ล้มตึง แม่ก็ช่วยไม่ได้ เพราะขาไม่ดี

9 ธันวาคม 2565 TikTok @aorunun83 มีการลงคลิปวงจรปิดในบ้านหลังหนึ่ง มีผู้ชายคนหนึ่งที่ลุกจากเก้าอี้ แล้วเดินไปตามบริเวณบ้าน แต่จู่ ๆ เขาก็ล้มหงายหลังตึง หัวแตก จากนั้นก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาดู แต่ไม่ช่วยเหลืออะไร ทำให้เกิดคอมเมนต์วิจารณ์เป็นวงกว้างว่า ป้าเลือดเย็นมากที่ไม่ยอมช่วยเหลือคนที่นอนล้มตึงแบบนี้ ทำราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น จากนั้น มีการอธิบายเพิ่มเติมว่า คนที่ล้มนั้นเป็นโรคหัวใจอยู่แล้ว ส่วนสาเหตุการล้ม หมอวินิจฉัยบอกว่า ไม่เกี่ยวกับโรคหัวใจ แต่เป็นเพราะคนล้มเพิ่งหายจากโควิด แล้วไปออกกำลังกาย เสียเหงื่อเยอะ จึงทำให้ร่างกายขาดน้ำ หน้ามืด วูบ ผลตรวจร่างกายส่วนอื่น ๆ ก็ปกติดี อยากให้ทุกคนระวังตัวเองเอาไว้ด้วย เพราะความโชคดีไม่ได้มีกับทุกคน ส่วนภายในคลิปที่เห็นว่ามีผู้หญิงมาดู คน ๆ นั้นคือ คุณแม่ แต่แม่ขาไม่ดี จึงก้มไปช่วยเหลือไม่ได้ ได้แต่ตะโกนให้คนอื่นมาช่วย ดังนั้นจึงขออย่าทัวร์ลงใส่คุณแม่ @aorunun83 อุทาหรณ์อาการวูบไม่รู้ตัว น่ากลัว ระวังกันนะคะ #แค่หัวแตก#ปลอดภัยดี ♬ ก่อนวันสุดท้าย – วุฒิ ป่าบอน พาราฮัท   […]

แค่ออกกำลังกายก็ช่วยบำบัดโรคซึมเศร้าได้นะ รู้ยัง?

โรคซึมเศร้า เป็นโรคสุดฮิตของคนในปัจจุบัน แต่รู้มั้ยคะว่าการออกกำลังกายด้วยวิธีดังต่อไปนี้ สามารถช่วยบำบัดอาการของโรคซึมเศร้าลงได้เป็นอย่างมากทีเดียว จะต้องออกกำลังกายแบบใดบ้าง มาดูกันเลยนะคะสาวๆ วิ่ง ผู้เชี่ยวชาญด้านการวิ่งจากสหรัฐอเมริกาได้ให้การเปิดเผยว่า การวิ่งออกกำลังกายจะสามารถช่วยดึงสารแห่งความสุขที่ชื่อ เซโรโทนินและนอร์อะดรีนาลีนออกมาได้ดี สารดังกล่าวล้วนเป็นสารกระตุ้นความสุขและปลุกคืนความสดชื่นกระปรี้กระเปร่าให้แก่ร่างกายได้เป็นอย่างดี เมื่อวิ่งแล้วจึงทำให้ร่างกายของเราสดชื่นขึ้นได้อย่างง่ายดายนั่นเอง และยังมีผลการศึกษาทางด้านจิตวิทยาในปี 2016 ที่ได้รับการตีพิมพ์ลงในนิตยสาร Psychiatry & Neuroscience ซึ่งได้ระบุไว้ว่า การออกกำลังกายจนร่างกายขับเหงื่อออกมาได้นั้นล้วนสามารถช่วยรักษาโรคซึมเศร้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ เทียบได้กับการใช้ยารักษาโรคซึมเศร้าเลยนั่นเอง วิ่งจ๊อกกิ้ง การออกกำลังกายด้วยการวิ่งจ๊อกกิ้งจะช่วยให้สมองเกิดการกระตุ้นสารเอ็นดอร์ฟินให้หลั่งออกมา โดยเป็นสารเคมีจากธรรมชาติที่มีฤทธิ์ช่วยบรรเทาอาการปวด ทำให้ร่างกายผ่อนคลาย รู้สึกสบาย และยังช่วยลดความเครียดลงได้อีกด้วย เนื่องจากตลอดเวลาที่เราวิ่ง ใจของเราจะต้องจดจ่ออยู่กับการวิ่งตลอดระยะทาง จึงทำให้เกิดการปลดปล่อยความเครียดต่างๆ ทำให้รู้สึกสดชื่นและผ่อนคลายร่างกายได้ในที่สุด Credit : capstonemedicalassociates.com เล่นโยคะ วารสาร Evidence-Based Complementary and Alternative Medicine ได้ระบุผลการศึกษาจากปี 2007 เอาไว้ว่า นักเรียนที่เรียนในคลาสของโยคะจะมีแนวโน้มในการลดความเครียด ความกังวล ความกดดัน และอาการทางประสาทได้อย่างมีนัยสำคัญทีเดียว ซึ่งทางด้านนักวิจัยโยคะก็ยังยกให้การเล่นโยคะนั้นเป็นวิธีการออกกำลังกายที่สามารถช่วยบำบัดอาการของโรคซึมเศร้าได้ด้วยเช่นกัน ออกกำลังกายแบบเสริมสร้างกล้ามเนื้อ ผลจากการศึกษาชิ้นหนึ่งได้ให้การเปิดเผยข้อมูลไว้ว่า ผู้ป่วยโรคซึมเศร้า 45 คนที่ได้เข้าคอร์สออกกำลังกายเสริมสร้างกล้ามเป็นระยะเวลา 10 […]

ผอม แต่มีพุงเกิดจากสาเหตุอะไร? ไขข้อสงสัยและแก้ไขด่วน !!

ใครต่างก็อยากผอมหุ่นดี และหากสาวๆ คนไหนพยายามดูแลรูปร่างจนผอมเพรียวสมใจ แต่เคยไหมคะพุงของคุณกลับยื่นย้วยออกมา วันนี้เราจะพามาดูสาเหตุกันค่ะว่าเกิดจากอะไร และเมื่อรู้แล้วก็จงรีบแก้ไขกันโดยด่วน ก่อนที่โรคร้ายจะมาเยือนอย่างไม่รู้ตัว ขาดการควบคุมอาหารและออกกำลังกาย มัฟฟิน ท็อป (Muffin top) เป็นเนื้อที่ปลิ้นออกมาตรงบริเวณช่วงรอบเอวของเรานั่นเอง ซึ่งแลดูเหมือนคนที่มีห่วงยางอยู่ตลอดเวลา โดยผลจากการศึกษาของ Annals of Internal Medicine ก็ได้เตือนไว้ว่า ผู้ที่มีน้ำหนักตัวอยู่ในเกณฑ์ปกติ หากแต่ร่างกายมีไขมันส่วนเกินสะสมอยู่ที่บริเวณรอบเอวเช่นนี้ มักจะมีแนวโน้มก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ โดยเป็นหนักถึงขั้นเสี่ยงต่อการเสียชีวิตสูงมากกว่าคนอ้วนอย่างชัดเจน เพราะฉะนั้น จะต้องควบคุมพฤติกรรมการกินและควรหมั่นออกกำลังกายสลายไขมันเฉพาะส่วนอยู่เสมอ   ออกกำลังกายบ่อยๆ แต่ไม่เคยทำท่าวิดพื้น สาวๆ ส่วนใหญ่ที่มีหุ่นดีอยู่แล้ว มักจะหันมาออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอเพื่อช่วยกระตุ้นการทำงานของหัวใจ เช่น การปั่นจักรยาน และวิ่ง เป็นต้น โดยการออกกำลังกายประเภทนี้จะมีผลทำให้หัวใจและปอดแข็งแรง หากแต่กล้ามเนื้อและไขมันที่สะสมอยู่ตามชั้นเนื้อจะไม่ได้รับการเบิร์นออกไปมากเพียงพอนัก โดยเฉพาะหากใครที่ละเลยการทำท่าวิดพื้นหรือไม่เคยเล่นเวทเทรนนิ่งอื่นๆ ก็อาจทำให้ร่างกายไม่สามารถเบิร์นไขมันตัวที่เป็นอันตรายให้หมดไปได้ ทำให้สาวๆ มีรูปร่างที่ผอม หากแต่ยังคงมีพุงย้วยๆ ห้อยมา และทำให้รูปร่างของคุณแลดูไม่กระชับอีกด้วย ควบคุมน้ำหนักอยู่เสมอ แต่ไม่เคยออกกำลังกาย ได้อย่างก็เสียอย่าง สำหรับสาวๆ ที่พยายามดูแลรูปร่างกับการควบคุมน้ำหนักอยู่เสมอ แต่กลับขาดการออกกำลังกาย เพราะจริงๆ แล้ว การมีรูปร่างผอมดั่งใจนั่นไม่ใช่เหตุผลที่สาวๆ ควรงดการออกกำลังกายแต่อย่างใด […]

error: