คิงชาร์ลส์เผย ออสเตรเลียจะเป็นสาธารณรัฐ? ขึ้นกับประชาชนตัดสินใจ

Advertisement 13 ต.ค.67 มติชนออนไลน์ รายงานว่า กษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 3 แห่งสหราชอาณาจักร ทรงยืนยันว่า ประชาชนชาวออสเตรเลีย จะต้องเป็นผู้ตัดสินใจว่า ออสเตรเลียจะยังคงเป็นประเทศที่ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือจะเปลี่ยนไปปกครองในฐานะสาธารณรัฐ Advertisement ทั้งนี้ กษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 3 จะเสด็จเยือนออสเตรเลียในสัปดาห์หน้า โดยขบวนการเคลื่อนไหวเพื่อให้ออสเตรเลียเป็นสาธารณรัฐได้แลกเปลี่ยนจดหมายกับเจ้าหน้าที่ของพระราชวังบักกิงแฮม จดหมายจากพระราชวังซึ่งเป็นพระราชสาส์นของกษัตริย์ชาร์ลส์ระบุว่า “การที่ออสเตรเลียจะกลายเป็นสาธารณรัฐหรือไม่นั้น เป็นเรื่องที่ประชาชนชาวออสเตรเลียจะตัดสินใจ” อย่างไรก็ดี พระราชสาส์นดังกล่าวถือเป็นการย้ำจุดยืนเดิม และไม่ถือว่ามีอะไรเพิ่มเติมที่เป็นเรื่องใหม่ แต่เป็นการแลกเปลี่ยนกันฉันมิตร หลังจากที่ทางกลุ่มเคลื่อนไหวดังกล่าวได้ร้องขอที่จะเข้าพบกับพระองค์ระหว่างการเสด็จเยือนออสเตรเลียครั้งนี้ Advertisement จดหมายของบักกิงแฮมบอกด้วยว่า กษัตริย์ชาร์ลส์ทรงชื่นชมที่ท่านได้สละเวลาเขียนจดหมายมา โปรดมั่นใจว่าความเห็นของท่านในเรื่องดังกล่าวได้รับการบันทึกไว้อย่างละเอียดยิ่ง “ในฐานะพระมหากษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ พระองค์ทรงปฏิบัติตามคำแนะนำของรัฐมนตรี ดังนั้นไม่ว่าออสเตรเลียจะกลายเป็นสาธารณรัฐหรือไม่ นั่นเป็นเรื่องที่ประชาชนชาวออสเตรเลียต้องตัดสินใจ” จดหมายระบุ ทั้งนี้ เมื่อปี 1999 ออสเตรเลียได้จัดการลงประชามติในเรื่องดังกล่าว โดยประชาชนออสเตรเลียส่วนใหญ่ยังเห็นด้วยกับการยังคงสถานะให้มีการปกครองประเทศด้วยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขต่อไป ขณะที่เมื่อต้นปี 2024 รัฐบาลออสเตรเลียระบุว่า แผนการสำหรับการลงประชามติในเรื่องนี้อีกครั้งไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน ที่มา : มติชนออนไลน์, SBS News, theguardian

สาวพาสำรวจ “เทศกาลทิ้งของ” ในออสเตรเลีย มีแต่ของดีๆ ทั้งนั้น ยิ่งบ้านคนรวยยิ่งอึ้ง มีแต่ของดีๆ น่าสอย

19 ส.ค.66 สมาชิก TikTok @hijean555 โพสต์คลิปเทศกาลทิ้งของ ในประเทศออสเตรเลีย ซึ่งทุกบ้านเมื่อถึงเทศกาลดังกล่าว ก็จะนำของที่ไม่ได้ใช้เอามาวางทิ้งหน้าบ้าน ใครอยากเก็บอะไรก็เก็บไป โดยผู้โพสต์บอกว่า “เทศกาลที่รอคอย” ซึ่งในคลิปผู้โพสต์ได้พาไปสำรวจตามหน้าบ้านหลังต่างๆ เมื่อถึงเทศกาลทิ้งของ ก็จะมีข้าวของเครื่องใช้ที่เจ้าของบ้านไม่อยากใช้แล้วหรือพังเสียหายเอาออกมาวางกองไว้ จากการสำรวจของผู้โพสต์พบว่า นอกจากสิ่งของที่เสียหายแล้ว ก็ยังมีของที่ยังสภาพดี บางอย่างแทบจะเหมือนของใหม่ ไม่มีร่องรอยความเสียหายแม้แต่น้อย และหลายๆ บ้านมักจะทิ้งโซฟา เราจะเห็นว่าโซฟาหลายๆ ทิ้งนั้น แทบจะไม่มีรอยขีดข่วน ก็ยังสงสัยว่าทิ้งทำไม หรือมีของใช้ต่างๆ ที่ยังอยู่ในสภาพใช้งานได้ ก็ถูกเอามาทิ้ง ส่วนบ้านคนรวยก็จะทิ้งแต่ของดีๆ เรียกว่าเป็นตลาดของมือสองแบบย่อมๆ ที่ไม่เสียเงิน หลังโพสต์ดังกล่าวเผยแพร่ไป ก็มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก ทั้งยังอยากย้ายไปอยู่ที่นั่นทันที และหลายๆ คนบอกว่าถ้าเป็นที่ไทยรวยเละ ของดีๆ ทั้งนั้นที่เอามาทิ้ง สามารถนำไปขายต่อยอดหรือนำมาใช้งานได้ ขณะที่ผู้โพสต์บอกว่า เก็บของฟรีมาใช้จนเต็มบ้านหมดแล้ว สำหรับคลิปดังกล่าวมีคนมาดูแล้วกว่า 7.9 ล้านวิว @hijean555 เทศกาลที่รอคอย😆 ♬ The finest Lofi Hip Hop(843801) – Dusty […]

ออสเตรเลียเตรียมผลิต “วัคซีนไร้เข็ม” แทนฉีดลงบนผิวหนัง ประสิทธิภาพเทียบเท่ากัน

เว็บไซต์ข่าวต่างประเทศ ได้รายงานข่าวดีที่ถูกอกถูกใจคนกลัวเข็มฉีดยาทั่วโลก ว่าล่าสุดทางบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพของประเทศออสเตรเลียแห่งหนึ่งในรัฐควีนส์แลนด์ เตรียมเปิดโรงงานผลิต “วัคซีนไร้เข็ม” หรือ “วัคซีนแบบแผ่นแปะ” เชิงพาณิชย์แห่งแรกของโลก โดยวัคซีนไร้เข็มนี้ จะมีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับแบบฉีดยาเข้าร่างกายของเรา โดยจะประกอบด้วย “ไมโครโพรเจกชัน (microprojection)” หรือ “เข็มขนาดเล็กมาก ๆ” ที่เคลือบวัคซีนไว้ ทำให้กลายเป็นวัคซีนแบบแห้ง เมื่อแปะวัคซีนลงบนผิวหนังของเรา ตัวไมโครโพรเจกชันก็จะละลายและเข้าไปยังเซลล์ภูมิคุ้มกันที่อยู่ใต้ผิวหนังของเราโดยตรงได้อย่างมีประสิทธิภาพ และไม่ทำให้รู้สึกเจ็บปวดระหว่างรับวัคซีนอีกต่อไป ทั้งนี้ การใช้วัคซีนไร้เข็มเก็บรักษาสามารถทำได้ง่ายมากขึ้น เพราะไม่จำเป็นต้องเก็บในที่อุณหภูมิต่ำเหมือนวัคซีนเหลวทั่วไป และวัคซีนไร้เข็มยังขนส่งไปยังสถานที่ต่าง ๆ ได้สะดวกสบายและรวดเร็วมากขึ้น ที่สำคัญยังใช้งานง่าย ใคร ๆ ก็สามารถทำได้เอง โดยไม่ต้องใช้เจ้าหน้าที่แพทย์หรือพยาบาลในการฉีดวัคซีนให้ งานนี้ก็ต้องอดใจรอกันอีกสักนิด เพราะคาดว่าจะเตรียมเปิดโรงงานผลิตภายใน 3-5 ปี ข้างหน้า โดยวัคซีนที่จะถูกนำมาทำเป็นแผ่นแปะชนิดแรก มีแนวโน้มว่าจะเป็น “วัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19” หลังทางบริษัทผู้ผลิตประสบความสำเร็จ ในการทดลองใช้วัคซีนไร้เข็ม ที่มีวัคซีนป้องกันไวรัสชนิดดังกล่าวกับผู้เข้าร่วมการทดลองกว่า 500 คน ก่อนหน้านี้ และยังมีแผนการผลิตวัคซีนสำหรับไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลอีกด้วย   ข่าวจาก : ข่าวสด

นักวิจัยค้นพบ “โปรโตสเตอรอล ไบโอตา” สิ่งมีชีวิตนักล่ารุ่นแรกของโลก-อายุ1,600ล้านปี

ซินหัว และ อัลจาซีรา รายงานการค้นพบชวนตะลึง เมื่อคณะนักวิจัยเจอ “โลกที่สาบสูญ” ของสิ่งมีชีวิตโบราณซึ่งอาศัยอยู่ในแหล่งน้ำของโลกเมื่อหลายพันล้านปีก่อน ทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลีย (เอเอ็นยู) เปิดเผยการค้นพบ “โปรโตสเตอรอล ไบโอตา” (Protosterol Biota) สิ่งมีชีวิตขนาดเล็กในวงศ์ยูคาริโอต (eukaryote) ที่อาจเป็นนักล่ารุ่นแรกของโลก ล่าและกินแบคทีเรียเป็นอาหาร รวมถึงเคยมีจำนวนมากในระบบนิเวศทางทะเลทั่วโลก และอาจมีบทบาทสำคัญต่อการสร้างระบบนิเวศ ส่วนยูคารีโอตสมัยใหม่นั้นประกอบด้วยรา พืช สัตว์ และสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว เชื่อกันว่าสิ่งมีชีวิตที่มีนิวเคลียสทั้งหมดมีบรรพบุรุษร่วมในวงศ์ยูคาริโอตที่ใกล้กันที่สุดของสิ่งมีชีวิตบนโลก (LECA) ซึ่งเคยมีชีวิตอยู่เมื่อกว่า 1,200 ล้านปีก่อน นายเบนจามิน เนตเตอร์ไชม์ และ นายโจเชน บรอคส์ จากมหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลีย ค้นพบซากโมเลกุลของโปรโตสเตอรอล ไบโอตา ในหินอายุ 1,600 ล้านปีที่ขุดพบจากรัฐนอร์ธเทิร์นเทร์ริทอรีของออสเตรเลีย นายเนตเตอร์ไชม์ระบุว่าหนึ่งในปริศนายิ่งใหญ่ที่สุดที่นักวิทยาศาสตร์วิวัฒนาการยุคแรกพยายามหาคำตอบคือทำไมบรรพบุรุษยูคาริโอตที่มีความสามารถสูงไม่ได้ครองแหล่งน้ำโบราณของโลก และพวกมันซ่อนตัวอยู่ที่ไหน ผลการศึกษานี้พลิกทฤษฎีดังกล่าวอย่างสิ้นเชิง และแสดงให้เห็นว่าโปรโตสเตอรอล ไบโอตา ซ่อนตัวอยู่ทั่วไปและมีอยู่มากมายในมหาสมุทรและทะเลสาบโบราณของโลกมาโดยตลอด โดยเหล่านักวิทยาศาสตร์แค่ไม่รู้วิธีค้นหาพวกมันจนกระทั่งตอนนี้ ทั้งนี้ เชื่อกันว่าสิ่งมีชีวิตชนิดนี้ครองโลกตั้งแต่ 1,600 ล้านปีก่อนถึงประมาณ 800 ล้านปีก่อน ซึ่งสอดคล้องกับการอุบัติของสิ่งมีชีวิตที่ซับซ้อนมากขึ้น   […]

ชาวออสซี่แจ็กพอตแตก! พบหินน้ำหนัก4.6กิโล มีแร่ทองคำมูลค่า5.5ล้านบาท

28 มี.ค. บีบีซีรายงานว่า หนุ่มชาวออสเตรเลียพบหินน้ำหนัก 4.6 กิโลกรัม มีสินแร่ทองคำที่เมืองโกลด์ฟีลด์ รัฐวิกตอเรีย หลังทดลองเสี่ยงโชคใช้เครื่องตรวจหาโลหะราคาถูกๆ ที่ซื้อมา กระทั่งแจ็กพอตแตกพบแร่ทองคำมูลค่ารวมกว่า 5.5 ล้านบาท พื้นที่ดังกล่าวของเมืองโกลด์ฟีลด์เคยเป็นหนึ่งในแหล่งขุดหาทองคำที่โด่งดังของออสเตรเลียช่วงปีค.ศ. 1800 โดยนายดาร์เรน แคมป์ ที่รับซื้อหินก้อนดังกล่าวต่อจากผู้ค้นพบ (ซึ่งไม่ต้องการเปิดเผยนาม) ระบุว่า เป็นการค้นพบทองคำครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิตการทำงาน 43 ปีของตัวเอง นายแคมป์ เจ้าของร้านที่เมืองกีลอง ทางตะวันตกเฉียงใต้ของนครเมลเบิร์น เปิดเผยว่า ตอนที่ผู้ค้นพบนำหินก้อนดังกล่าวมาขึ้นเงินนั้นตนถึงกับอึ้งอ้าปากค้าง เพราะเป็นการค้นพบครั้งใหญ่ชนิดครั้งเดียวในชีวิต เจ้าของร้าน กล่าวต่อว่า ปกติแล้วคนทั่วไปก็มักจะนำทองเล็กๆ น้อยๆ ที่ไปหาพบมาจากการเสี่ยงโชคมาขึ้นเงิน แต่หนุ่มคนนี้เดินเข้ามาแล้วก็นำหินก้อนใหญ่ออกมาจากกระเป๋าสะพายแล้วถามตนว่าได้ถึงสัก 2 แสนบาทหรือไม่ ผมตรวจสอบแล้วถึงกับร้องออกมาว่า ไม่น่าต่ำกว่า 2 ล้านเนี่ย! ยังไม่หมดเท่านั้น ชายคนดังกล่าวจึงบอกกับเจ้าของร้านว่าหินที่เห็นนั้นเป็นเพียงครึ่งเดียวของที่พบแล้วนำอีกครึ่งหนึ่งออกมา รวมแล้วหนัก 4.6 กก. มีทองคำปนอยู่หนักถึง 2.6 กก. มูลค่ากว่า 5.5 ล้านบาท! นายแคมป์ กล่าวว่า ตนซื้อหินทั้งหมดนี้ต่อมาจากชายผู้โชคดี […]

ออสเตรเลียจ่อลบ “ควีนอลิซาเบธ” บนแบงก์ เปลี่ยนเป็นลายชนพื้นเมือง

เอเอฟพี รายงานวันที่ 2 ก.พ. ว่า ธนาคารกลางแห่งออสเตรเลียออกแถลงการณ์ว่าจะลบพระบรมสาทิสลักษณ์ สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร บนธนบัตรฉบับละ 5 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (ราว 116 บาท) และจะเปลี่ยนเป็นลวดลายเชิดชูวัฒนธรรมชนพื้นถิ่นแทน การตัดสินใจไม่ใช้พระบรมสาทิสลักษณ์สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 แห่งสหราชอาณาจักร หลังสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธเสด็จสวรรคตเมื่อเดือนก.ย.2565 จะส่งผลให้ธนบัตรของออสเตรเลียไม่มีรูปแบบที่เกี่ยวข้องกับราชวงศ์อังกฤษหลงเหลือ แม้สถานะยังเป็นประเทศในเครือจักรภพก็ตาม ถึงอย่างนั้นการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวมีขั้นตอนที่ต้องใช้เวลาหลายปี ทั้งการออกแบบ การผลิต และในช่วงระหว่างนี้ธนบัตรฉบับปัจจุบันยังคงใช้งานได้ตามปกติ ทั้งนี้ การตัดสินใจของธนาคารกลางออสเตรเลียได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลฝ่ายกลาง-ซ้ายของนายกรัฐมนตรีแอนโธนี อัลบานีส ซึ่งมีนโยบายต้องการเปลี่ยนออสเตรเลียเป็นสาธารณรัฐในอนาคต นอกจากนี้ยังได้รับเสียงชื่นชมจากกลุ่มเคลื่อนไหวเรียกร้องให้ยุติการเป็นสมาชิกเครือจักรภพของออสเตรเลีย และเชิดชูชนพื้นเมืองซึ่งตั้งถิ่นฐานมาก่อนที่ชาวอังกฤษจะขึ้นเกาะเมื่อกว่า 65,000 ปีก่อน   ข่าวจาก : ข่าวสด

เรือสำราญออสเตรเลีย พร้อมผู้ติดโควิดราว800คน เทียบท่านครซิดนีย์แล้ว

รอยเตอร์ รายงานวันที่ 12 พ.ย. ว่า เรือสำราญออสเตรเลีย “มาเจสติก พรินเซส” ของ “คาร์นิวัล ออสเตรเลีย” เทียบท่านครซิดนีย์ รัฐนิวเซาท์เวลส์ โดยผู้โดยสาร 800 คนมีผลโควิด-19 เป็นบวก หน่วยงานสาธารณสุขของรัฐนิวเซาท์เวลส์จัดอันดับความเสี่ยงของการแพร่ระบาดที่ เทียร์ 3 บ่งชี้ว่ามีความเสี่ยงการระบาดสูง ขณะที่กระทรวงกิจการภายในออสเตรเลียระบุว่า ทางการกำหนดมาตรการทั่วไป หลังเกิดการระบาดของโควิด-19 บนเรือสำราญรูบี พรินเซส ในรัฐนิวเซาท์เวลส์ ที่มีผู้ติดเชื้อ 914 คน และเสียชีวิต 28 ราย เมื่อปี 2563 กระทรวงกิจการภายในออสเตรเลียระบุด้วยว่า กระทรวงสาธารณสุขของรัฐนิวเซาท์เวลส์จะตัดสินใจว่า จะให้ผู้โดยสารออกจากเรือสำราญมาเจสติก พรินเซสได้อย่างไรเป็นรายกรณี รัฐบาลออสเตรเลียเปิดเผยสัปดาห์นี้ว่า การระบาดบนเรือสำราญมาเจสติก พรินเซส เกิดขึ้นขณะที่ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในออสเตรเลียเพิ่มขึ้นทั่วประเทศ สะท้อนถึงการระบาดในชุมชนของไวรัสโอมิครอนสายพันธุ์ XBB ข่าวจาก : ข่าวสด

ออสเตรเลียผ่านกฎหมายให้เหยื่อรุนแรงในครอบครัวลางานรับเงินได้

นายโทนี เบิร์ก รัฐมนตรีกระทรวงการจ้างงาน กล่าวว่า กฎหมายดังกล่าวซึ่งล่าช้ามานาน จะให้ทางออกแก่ประชาชนในการหนีจากสถานการณ์รุนแรง โดยไม่ต้องกังวลว่าจะกระทบกับความมั่นคงทางการเงิน โดยคาดว่าจะมีชาวออสเตรเลียกว่า 11 ล้านคน มีสิทธิได้รับสิทธิประโยชน์นี้ ตั้งแต่เดือน ก.พ.ปีหน้า ซึ่งรวมถึงพนักงานชั่วคราวและพนักงานพาร์ตไทม์ด้วย ความรุนแรงในครอบครัวเป็นปัญหาใหญ่ในออสเตรเลีย โดยรายงานจากโครงการติดตามการฆาตกรรมทั่วประเทศของสถาบันอาชญาวิทยาออสเตรเลียระบุว่า ทุกๆ 10 วัน จะมีผู้หญิงถูกคู่รักฆ่า เฉลี่ย 1 คน ขณะที่ผลสำรวจโดยสำนักงานสถิติแห่งออสเตรเลียในปี 2016 ระบุว่า ผู้หญิงออสเตรเลีย 1 ใน 4 เคยถูกคู่รักใช้ความรุนแรงตั้งแต่อายุ 15 สหภาพแรงงาน และนักเคลื่อนไหวขานรับการผ่านกฎหมายนี้ หลังรณรงค์มานานสิบปี โดยระบุว่า กฎหมายดังกล่าวจะช่วยปกป้องหลายชีวิต นิวซีแลนด์ ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราเหตุใช้ความรุนแรงในครอบครัวสูงที่สุดในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว ผ่านกฎหมายคล้ายๆ กันนี้ เมื่อปี 2018 โดยอนุญาตให้พนักงานลาได้รับค่าจ้าง 10 วัน เช่นกัน   ข่าวจาก : PPTV Online

ทำตามสัญญา! ออสเตรเลียขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น523บาทต่อชม. มีผล1ก.ค.นี้

ตามสัญญา! ออสซี่ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 523 บาทต่อชม. มีผล 1 ก.ค.นี้ เว็บไซต์เอบีซีนิวส์รายงานว่า คณะกรรมการงานที่ยุติธรรมของออสเตรเลีย ประกาศขึ้นค่าแรงขั้นต่ำของออสเตรเลีย 5.2% หรือ 1.05 ดอลลาร์ออสเตรเลียต่อชั่วโมง เป็น 21.38 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (523 บาท) ต่อชั่วโมง เริ่มวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ โดยแรงงานที่ได้ค่าแรงต่ำกว่า 869.60 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (21,284 บาท) ต่อสัปดาห์ จะได้ค่าแรงรายสัปดาห์เพิ่มขึ้นอีก 40 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (979 บาท) การตัดสินของคณะกรรมการในครั้งนี้ส่งผลต่อแรงงานมากกว่า 2.7 ล้านคน การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญของนายกรัฐมนตรีแอนโธนี อัลบานีส ของออสเตรเลีย ที่ประกาศไว้ตอนหาเสียง ซึ่งเขาสัญญาว่าจะขึ้นค่าแรงอย่างน้อย 5.1% ตามอัตราเงินเฟ้อ “ความจริงที่ว่าหลายๆ คนได้ค่าแรงขั้นต่ำเป็นฮีโร่ที่พวกเราเห็นในช่วงการระบาดของโควิด-19 พวกเขาควรจะได้รับมากกว่าคำขอบคุณ พวกเขาควรได้ค่าแรงที่เพิ่มขึ้น และวันนี้พวกเขาได้แล้ว” นายอัลบานีสกล่าว   ข่าวจาก : มติชน

ออสเตรเลียขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ5.2% ช่วยค่าครองชีพประชาชน

คณะกรรมการงานที่ยุติธรรมของออสเตรเลีย มีมติเมื่อวันพุธ (15 มิ.ย.) ให้ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำทั่วประเทศ 5.2% มาอยู่ที่ 21.38 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (515 บาท) ต่อชั่วโมง จาก 20.33 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (490 บาท) ต่อชั่วโมง ตามอัตราเงินเฟ้อ เพื่อบรรเทาผลกระทบจากค่าครองชีพและค่าใช้จ่ายด้านพลังงานที่สูงขึ้น การเปลี่ยนแปลงนี้จะมีผลในวันที่ 1 ก.ค. นายเอียน รอสส์ ประธานคณะกรรมการงานที่ยุติธรรม เชื่อมั่นว่า การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำตามอัตราเงินเฟ้อนี้จะไม่ส่งผลลบต่อการเติบโตและศักยภาพในการแข่งขันของเศรษฐกิจออสเตรเลีย ด้านตัวแทนสหภาพการค้าหลายสหภาพในออสเตรเลียให้ความเห็นว่าดีใจมากต่อการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำนี้เพราะสมเหตุสมผลและยุติธรรม ต่างจากบรรดาตัวแทนจากธุรกิจที่มองว่าเป็นความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจ และมองว่าควรขึ้นค่าแรงขั้นต่ำที่ 2.5-3% เท่านั้น   ข่าวจาก : sanook

1 2
error: