สรรพากร ไม่ขยายเวลามาตรการ Easy E-Receipt ยันสิ้นสุด 15 ก.พ.นี้ เตือนรีบใช้สิทธิ์

Advertisement น.ส.กุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า จากที่รัฐบาล ได้ดำเนินโครงการมาตรการลดหย่อนภาษี Easy E-Receipt ให้สิทธิ์แก่ผู้ที่มีหน้าที่เสียภาษีบุคคลธรรมดา ที่ซื้อสินค้าและบริการจากร้านค้าที่อยู่ในระบบภาษี ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.67 ที่ผ่านมา โดยสามารถนำค่าใช้จ่ายมาหักลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 50,000 บาทนั้น ขณะนี้เหลือเวลาอีก 10 วันเท่านั้น เนื่องจาก โครงการนี้จะสิ้นสุดในวันที่ 15 ก.พ.67นี้ โดยกรมฯยืนยันว่าจะไม่ขยายระยะเวลาโครงการดังกล่าว เนื่องจาก ระยะเวลาดังกล่าวมีความเหมาะสมแล้ว Advertisement “มาตรการ Easy E-Receipt ได้รับการตอบรับที่ดีมาก เพราะมีรายการสินค้าที่เข้าร่วมแล้วกว่า 8,600 รายการแล้ว ซึ่งมาตรการดังกล่าว ถือว่ามีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงต้นปี2567แล้ว และยืนยันว่าจะไม่ขยายเวลา เพราะระยะเวลาดังล่าว ถือว่าเหมาะสมแล้ว” Advertisement สำหรับประชาชนที่ต้องการใช้สิทธิหักลดหย่อนภาษีตามมาตรการ Easy E-Receipt สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการผ่านแอปพลิเคชั่น ณ จุดบริการของรายการสินค้านั้นๆ ซึ่งสามารถสอบถามพนักงานหรือสังเกตได้ ณ จุดชำระค่าสินค้า ทั้งนี้ รายการสินค้าหรือค่าบริการที่จะไม่ได้รับสิทธิมาตรการ Easy E-Receipt […]

จีน ‘ฟรีวีซ่า’ ไทย ดีเดย์ 1 มี.ค. 2567 กระตุ้นท่องเที่ยว

(2 ม.ค. 2567) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดแรก หลังปีใหม่ 2567 ว่า ที่ประชุม ครม. รับทราบ “ฟรีวีซ่า” กรณีที่สาธารณรัฐประชาชนจีน มีมติให้พลเมืองไทย และนักท่องเที่ยวไทย สามารถเดินทางเข้า-ออกจีนได้ โดยไม่ต้องขอวีซ่าซึ่งกันและกัน ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. 2567 เป็นต้นไป เพื่อยกระดับความสัมพันธ์ และเปิดโอกาสนักท่องเที่ยวทั้ง 2 ประเทศ กระตุ้นท่องเที่ยว นอกจากนี้ ที่ประชุม ครม. ยังมีมติให้เพิ่มวันทำประมง หลังจากมีปัญหาใน IUU ซึ่งเป็นปัญหาของประมงไทยนับแสนคน โดยให้เพิ่มวันทำการประมง แก่เรือประมง 1,200 ลำ ตั้งแต่ 1 ม.ค. 2567 ที่ผ่านมา ซึ่งจะช่วยสร้างงานได้กว่า 12,000 อัตรา และสร้างรายได้ให้ประเทศกว่าพันล้านบาท ซึ่งถือเป็นวาระเร่งด่วน และคืนชีวิตให้แก่ชาวประมงไทย รวมถึงยังมีการกระตุ้นเศรษฐกิจ […]

ปั้นไทยเป็นศูนย์กลางทันตกรรม ดึงนทท.ทำฟันในไทย กระตุ้นเศรษฐกิจ

นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดี กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ตามที่ภาครัฐมีนโยบายการพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (Medical Hub) แต่ด้วยสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และการเดินทางของนักท่องเที่ยว ทำให้การดำเนินการตามนโยบายฯ ต้องชะลอตัวลง ดังนั้น เมื่อประเทศไทยและนานาประเทศ ได้ก้าวพ้นสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 แล้ว กระทรวงสาธารณสุข โดยกรม สบส.จึงร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กำหนดมาตรการในการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อสร้างรายได้จากการพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ ทั้งนี้ ได้วางเป้าหมายยกระดับประเทศไทย เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติด้านทันตกรรม (Dental Hub) นำบริการทันตกรรมที่มีศักยภาพสูงมาเป็นจุดดึงดูดชาวต่างชาติ สำหรับโครงการนำร่อง จะเริ่มจากคลินิกทันตกรรมในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต เน้นบริการทันตกรรมเพื่อความงาม และกำหนดอัตราค่าบริการเป็นราคาเดียว (One Price Policy) แต่ละคลินิกสามารถกำหนดอัตราค่าบริการทางทันตกรรมที่แตกต่างกันได้ แต่จะต้องเก็บค่าบริการในอัตราเดียวกันทั้งชาวไทยและต่างชาติ เพื่อดึงดูดให้ชาวไทยและต่างชาติเข้ารับบริการ พร้อมกันนี้ ยังได้เตรียมพัฒนาแอปพลิเคชัน หรือแพลตฟอร์มกลางที่เชื่อมโยงฐานข้อมูลร่วมกัน ผู้รับบริการสามารถค้นหารายชื่อคลินิกทันตกรรม ชื่อหัตถการ หรือทันตแพทย์ที่เชี่ยวชาญเฉพาะผ่านระบบออนไลน์ มีการพัฒนาศูนย์ล่าม ระบบการเบิกจ่ายค่ารักษา (Claim Center) เป็นต้น คลินิกทันตกรรมที่จะเข้าร่วมโครงการฯ จะต้องเป็นคลินิกที่ถูกต้องตามกฎหมาย มีใบอนุญาตดำเนินการสถานพยาบาล […]

error: