มจร.เล็งตั้ง กก.สอบปม “แชร์แครอท” ยันมหา’ลัยไม่เกี่ยวข้อง

Advertisement 22 ต.ค.67 พระราชวัชรสารบัณฑิต หรือเจ้าคุณประสาร รองอธิการบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย หรือ มจร โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก “พระราชวัชรสารบัณฑิต – เจ้าคุณประสาร” กรณีที่เพจ “อีซ้อขยี้ข่าว : อีซ้อ” ออกมาโพสต์ว่ามีการอบรมให้พระสงฆ์ เล่นแชร์ลูกโซ่หรือ แชร์แครอท โดยยืนยันว่า Advertisement 1.มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร) ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น 2.มหาวิทยาลัยไม่เคยมีผลประโยชน์อื่นใดแอบแฝง 3.มหาวิทยาลัยมีขบวนการคัดกรอง คัดสรรผู้คนที่จะเข้ามาเป็นวิทยากรบรรยายต่างๆ ในมหาวิทยาลัยทั้งส่วนกลาง วิทยาเขตและวิทยาลัยสงฆ์ Advertisement 4.ถ้าหากว่ามีบุคลากรไม่ว่าพระสงฆ์หรือคฤหัสถ์ของมหาวิทยาลัยมีส่วนเข้าไปยุ่งเกี่ยวในเรื่องนี้นั้นถือเป็นเรื่องส่วนบุคลที่จะต้องรับผิดชอบในเรื่องนีั โดยเฉพาะเรื่องศีลธรรมนั้นเป็นเรื่องสำคัญที่มหาวิทยาลัยตระหนักในทุกภาคส่วน 5.มหาวิทยาลัยจะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบข้อเท็จจริงเพื่อให้ความจริงปรากฏ เห็นใจ เข้าใจ รับรู้ถึงทุกข์ที่เกิดขึ้นจากผู้ถูกกระทำจนกลายเป็นผู้เสียหายตามที่ปรากฎในข่าวต่าง ๆ  

นิด้าโพลเผย ปชช.ส่วนมากเชื่อ ขอความเป็นธรรมผ่านสื่อเร็วกว่า ตร.

20 ต.ค.67 ศูนย์สำรวจความคิดเห็นนิด้าโพล สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) สำรวจความคิดเห็นเรื่อง ‘ใครจะคุ้มครองผู้บริโภค’ สำรวจระหว่างวันที่ 15-16 ตุลาคม 2567 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค, ระดับการศึกษา, อาชีพ และรายได้ ทั่วประเทศ รวมจำนวนทั้งสิ้น 1,310 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับการโฆษณาสินค้าของดาราและอินฟลูเอ็นเซอร์ จากการสำรวจเมื่อถามถึงการโฆษณาสินค้าของดาราและอินฟลูเอ็นเซอร์ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อสินค้าของประชาชน พบว่า ตัวอย่างร้อยละ 42.21 ระบุว่า ไม่ส่งผลเลย, ร้อยละ 22.98 ระบุว่า ส่งผลมาก, ร้อยละ 19.01 ระบุว่า ค่อนข้างส่งผล และร้อยละ 15.80 ระบุว่า ไม่ค่อยส่งผล ด้านความเชื่อของประชาชนที่มีต่อดาราและอินฟลูเอ็นเซอร์ใช้สินค้าจากการโฆษณาจริง พบว่า ตัวอย่างร้อยละ 52.29 ระบุว่า ไม่เชื่อว่าใช้สินค้านั้นจริง, ร้อยละ 22.98 ระบุว่า เชื่อว่าใช้สินค้านั้นเป็นบางครั้ง, ร้อยละ 20.53 ระบุว่า เชื่อว่าใช้สินค้านั้นเฉพาะตอนโฆษณา, […]

เส้นทางการเงินผิดปกติ 8,223 ล้าน “โค้ชแล็ป” โอนคริปโตก่อนโดนรวบ

ยังคงเป็นประเด็นร้อนสำหรับบริษัทดิไอคอนกรุ๊ป ซึ่งมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความร้องทุกข์มากกว่า 1 พันคนแล้ว รวมมูลค่าความเสียหายหลายร้อยล้านบาท ขณะเดียวกันมีการออกหมายจับ 18 บิ๊กบอสและบอสดาราเครือข่ายดิไอคอนไปแล้ว ในความผิดข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ซึ่งอีกประเด็นที่น่าจับตาคือประเด็นเกี่ยวกับการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินของบรรดาบอสและโค้ชในเครื่อข่ายดิไอคอน ซึ่งล่าสุด นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ได้ออกมาเปิดประเด็นเรื่องนี้แล้ว โดยนายเอกภพ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า “พบเส้นเงินผิดปกติกว่า 247,911,936 USDT มูลค่ากว่า 8,223 ล้านบาท ถูกโอนออกไปก่อนที่ “โค้ชแล็ป” ดิไอคอน จะถูกจับเพียง 1 ชั่วโมง” อย่างไรก็ตามสำหรับ “โค้ชแล็ป” หรือนายจีระวัฒน์ แสงภักดี ถูกจับกุมแล้วตั้งแต่วันที่ 16 ต.ค. 2567 ถือเป็น 1 ใน 18 ผู้ต้องหา   ข่าวจาก : PPTV Online

กมธ.ศาสนา เตรียมเรียก “ว.วชิรเมธี” เหตุไม่เหมาะสม พูดชักจูงลงทุน

17 ต.ค.67 เวลา 09.30 น. ที่รัฐสภา นายวีรภัทร คันธะ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคประชาชน ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม กล่าวถึงกรณีปรากฏคลิปและภาพของท่าน ว.วชิรเมธี ขณะที่เทศน์บรรยายสอนทีมผู้บริหารบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่า วันนี้จะมีการประชุม กมธ. โดยในประเด็นนี้ตนเตรียมแจ้งเสนอต่อประธานในที่ประชุม ว่าจะมีการดำเนินการอย่างไรบ้างในกรณีนี้ เมื่อถามว่า ดูจากรูปการในการเทศนาในลักษณะนี้ ที่มีการเชียร์บริษัทใดบริษัทหนึ่ง ในทางหลักพระธรรมหรือหลักกฎหมาย มีความผิดอะไรหรือไม่ นายวีรภัทรกล่าวว่า ตนยังไม่ได้ศึกษากฎหมายอย่างละเอียด แต่ใช้คำว่าอาจจะไม่เหมาะสม โดยในส่วนของกฎหมายเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งทางประชาชนหรือทางโลกได้มีการวิพากษ์วิจารณ์ไปแล้วในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตามที่ประชุม กมธ. จะเชิญคนที่เกี่ยวข้องเป็นใครหรือหน่วยงานใดเข้ามาชี้แจงนั้นเป็นอำนาจของประธาน กมธ. หากมีความชัดเจนในเรื่องดังกล่าวตนจะมาแถลงอีกครั้งหนึ่ง เพราะเป็นประเด็นที่สังคมให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก นายวีรภัทรกล่าวว่า อย่างไรก็ตาม เรื่องศาสนาเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และประเด็นนี้ขอไปคุยกันใน กมธ.ก่อน และย้ำว่าหากมีความคืบหน้าจะมาแถลงอีกครั้ง เมื่อถามถึงกรณี ที่หลายคนเชื่อในคำบอกของพระ นายวีรภัทรกล่าวว่า ส่วนตัวคิดว่า ในฐานะที่พระเหมือนกับดารา อินฟลูเอ็นเซอร์ ที่มีผลต่อความคิดและทัศนคติ ซึ่งตนคิดว่าถ้าไม่ใช่กิจของสงฆ์ การออกมาเชียร์หรือพูดในลักษณะในลักษณะที่มีการจูงใจในลักษณะที่ให้มีการลงทุน […]

นายกฯ สั่งผบ.ตร.จัดการจนท.รัฐ รับส่วย‘ดิไอคอน’ เปิดช่องรับแจ้งความ

วันที่ 15 ต.ค.2567 ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีปัญหาการดำเนินธุรกิจขายตรงและสินค้าออนไลน์ ของบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัดว่า เรื่องดังกล่าวได้สั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) จัดให้มีช่องทางที่ประชาชนจะเข้าแจ้งเรื่องของเบาะแสและการแจ้งความได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น และสั่งการให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เร่งกำหนดมาตรการและการบังคับใช้กฎหมาย รวมถึงให้ความรู้กับประชาชนด้วยเพราะบางคนเข้ามาในธุรกิจนี้แต่ไม่ทราบว่าการขายตรงต้องมีอะไร อย่างไรบ้าง จะได้ไม่เกิดปัญหาต่อไป ป้องกันไม่ให้มีการหลอกลวงเช่นนี้ขึ้นอีก นายกฯ กล่าวว่า นอกจากนี้ยังได้สั่งการให้กระทรวงสาธารณสุขโดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เร่งตรวจสอบและบังคับใช้กฎหมายเพื่อป้องกันไม่ให้นำสินค้าที่ไม่ผ่านการรับรองมาวางจำหน่าย ในระบบขายตรงหรือออนไลน์ พร้อมสั่งการให้กระทรวงการคลังเข้าไปตรวจสอบ และกำหนดมาตรการเพื่อไม่ให้เกิดการทำธุรกิจในลักษณะแชร์ลูกโซ่ ผู้สื่อข่าวถามว่าเรื่องดิไอคอนบานปลายถึงขั้นมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปรู้เห็นรับส่วย รับสินบน ทำให้ธุรกิจที่หลอกลวงประชาชนยังอยู่ เพราะผู้บริหารดิไอคอนก็ยอมรับเองว่ามีการจ่ายส่วย นายกฯ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวได้พูดคุยกับ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ยอมรับว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องใหญ่ ทั้งรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่ได้นิ่งนอนใจ ต้องมีการสอบสวนต่อว่ามีใครเกี่ยวข้องอย่างไรบ้าง เรื่องนี้ได้พูดคุยกับผบ.ตร. แล้วต้องการให้ตำรวจจริงจังเรื่องนี้ และในทางคดีต้อง ต้องดูว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ จะเข้ามาช่วยด้วยหรือไม่ และหากเข้ามาช่วยก็จะได้ทำงานร่วมกับตำรวจเพื่อให้คดีมีความละเอียดและดียิ่งขึ้น นายกฯ กล่าวว่า ส่วนที่มีข้อกล่าวหาว่าเจ้าหน้าที่รัฐรับส่วยนั้น […]

“บอย ปกรณ์” ยืนยัน “ไม่ได้เป็นบอส” ยอมรับว่าพลาด

เป็นจับตามองอย่างมากในสังคม เมื่อธุรกิจออนไลน์ชื่อดังมีผู้เสียหายจำนวนมากกำลังร้องเรียนจนเป็นข่าวฉาว มีการตีแผ่เครือข่ายธุรกิจขายตรง ที่มีชื่อของคนบันเทิงระดับแถวหน้าของเมืองไทยเข้าไปเอี่ยวด้วย ล่าสุด “บอย ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์” นักแสดงชื่อดัง ได้ออกมาเปิดใจชี้แจงในรายการโหนกระแส ตอนหนึ่งว่า ที่ตัดสินใจมาวันนี้ตั้งแต่มีเรื่องขึ้นมา มีคอมเม้นท์เดี่ยวกับผู้เสียหายขึ้นมาเราก็ตดใจเพราะไม่เคยรู้มาก่อนว่าเราไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับตรงนี้ เลยรู้สึกไม่ค่อยดี จึงอยากออกมาชี้แจง เมื่อถามว่า รู้จัก The iCon ได้อย่างไร “บอย ปกรณ์” บอกว่า บอสพอลติดต่อมา ประมาณปี 2563 เพื่อให้ไปเป็นพรีเซนเตอร์สินค้าตัวหนึ่ง สัญญา 1 ปี พอครบสัญญาก็ไม่ได้ทำงานกับเขา หลังจากนั้นปี 2565 บริษัทก็ติดต่อตนมาอีกให้เป็นพรีเซนเตอร์กาแฟ หลังจากนั้นมาก็ต่อสัญญากันปีต่อปี จากปี 2565-67 โดยในสัญญาตนต้องเป็นผู้แสดงแบบ ออกรายการคอนเท้นต์ของบริษัท แต่ไม่เกี่ยวกับโมเดลธุรกิจแต่อย่างใด โดยงานหลักของตนเป็นพรีเซนเตอร์ในการโฆษณาสินค้าทั่วไป ไปออกอีเวนท์ขายสินค้า ไปออกรายการคอนเท้นต์เพื่อโปรโมทสินค้า ซึ่งในสโคปงานหรือตอนว่าจ้างงานไม่มีการพูดถึงในส่วนที่ให้เราชักชวนคนเข้ามา ไม่มีเลย แต่ก็จะมีการออกอีเวนต์ ก็จะมีบางสคริปต์ที่ให้เราพูดเชิงให้กำลังใจ แต่ยืนยันว่าตนไม่ได้เป็นบอส โดยกล้ายืนยัน 100% และยืนยันว่าตนไม่ได้เป็นผู้บริหารด้วย ซึ่งตนกล้าที่จะพิสูจน์ได้จากตัวแทนทุกท่าน หรือแม้แต่ผู้เสียหาย หรือใครก็ตามถ้าเกิดว่ามีหลักฐานเรียกตนว่าบอสนั้น ตนมั่นใจว่าไม่มีแน่นอน […]

เพจ ว.วชิรเมธี เผยอย่าตีความเลยเถิด ปมปรากฏภาพธุรกิจดัง

จากกรณีสังคมจับตาธุรกิจเครือข่ายชื่อดัง ซึ่งมีดาราร่วมลงทุนและช่วยโปรโมต มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความจำนวนมากนั้น ส่งผลให้ช่องทางโซเชียลของ บอสพอล วรัตน์พล วรัทย์วรกุล ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ อาณาจักรธุรกิจออนไลน์ ดิไอคอนกรุ๊ป (The iCon Group) ก็ถูกจับตาตามไปด้วย โดยเฉพาะความใจบุญของบอสพอลที่มักจะร่วมอนุโมทนาบุญอยู่ไม่ขาด โดยมีภาพปรากฏว่า เมื่อต้นปี บอสพอล ได้เดินทางไปยังศูนย์วิปัสสนาสากลไร่เชิญตะวัน ว.วชิรเมธี เชียงราย ร่วมอนุโมทนาบุญ 1,000,000 บาท(หนึ่งล้านบาท) ร่วมถวายเป็นทุนการศึกษา ให้พระ เณร และนักเรียนนักศึกษา เนื่องในวันคล้ายวันเกิดของท่าน ว.วชิรเมธี 29 มกราคม 2567 ด้วย ขณะเดียวกันก็ได้เชิญ พระเมธีวชิโรดม (ว.วชิรเมธี) บรรยายธรรมที่สำนักงานด้วย     ล่าสุด เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม เฟซบุ๊ก พระเมธีวชิโรดม (ว. วชิรเมธี) ซึ่งมีผู้ติดตาม 1.6 ล้านคน ได้เผยแพร่ข้อความระบุว่า ” อย่าตีความเลยเถิด มีผู้สอบถามเข้ามามากว่า […]

“พอล” แจงโดนด่าทั้งที่ทำกำไรให้ ยันบริสุทธิ์ เตรียมมอบตัวตำรวจ

จากกรณีที่กำลังเป็นประเด็นเดือดในโลกโซเชียลขณะนี้ เมื่อพิธีกรคนดัง “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ออกมาทิ้งปมเดือดถึงบริษัทขายตรงชื่อดัง ที่ใช้ดาราตัวท็อปของเมืองไทยเป็นพรีเซ็นเตอร์ สร้างดาวน์ไลน์ ขายฝันให้ประชาชนมาร่วมลงทุน สุดท้ายบางคนไม่ได้ตามที่พูดและโฆษณาไว้นั้น 9 ต.ค.67 พอล วรัตน์พล วรัทย์วรกุล ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ อาณาจักรธุรกิจออนไลน์ ดิไอคอนกรุ๊ป (The iCon Group) ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพและความงาม โพสต์ข้อความผ่านเพจ “วรัตน์พล วรัทย์วรกุล” ชี้แจงถึงประเด็นดังกล่าวว่า สวัสดีทุกท่านครับ ผมขอเรียนชี้แจงผ่านทางช่องทางนี้นะครับ ตลอดระยะเวลาที่ผมทำธุรกิจขายปลีก-ขายส่ง ผ่านระบบตัวแทนภายใต้ บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป มาเป็นระยะเวลา 6 ปีกว่าแล้ว ผมเชื่อมั่นว่า… ผมดำเนินธุรกิจอย่างถูกต้องโปร่งใสมาโดยตลอด แต่จากเหตุการณ์ที่เกิดเป็นกระแสสังคมขึ้น ณ ขณะนี้ ผมติดตามข้อมูลต่อเนื่องมาและรู้สึกเสียใจอย่างมากที่เกิดเหตุว่า…มีผู้เสียหายเกิดขึ้นเนื่องจากการทำธุรกิจกับบริษัทของผม ผมได้ให้ทีมงานตรวจสอบข้อมูลปรากฏมีหลายเคสตามที่เกิดดราม่าที่ออกมา ต่อว่า ด่าทอบริษัทกลับไม่ได้เป็นตัวแทนจำหน่ายของผมแบบที่เขากล่าวอ้างเลยและมีอีกหลายเคสที่ขายของกับบริษัทผมแล้วได้เงินกำไรไปจำนวนมากแต่ก็กลับมาต่อว่า ด่าทอในโลกโซเชียลเช่นเดียวกัน ผมยอมรับตรงๆ ว่าผมงง และสับสนมากครับ พยายามตั้งสติ พยายามติดตาม ดูข้อมูล ว่าอันไหนเป็นข้อมูลจริงอันไหนเป็นการกลั่นแกล้ง ใส่ความ ปลุกปั่น บ้างก็ด่าเอามัน […]

“แซม” เปิดใจกับสื่อดัง ถ้าบริษัทผิดจริงพร้อมอยู่ข้าง ปชช.

จากกรณี ‘ธุรกิจเครือข่ายดัง’ ที่กำลังเป็นประเด็นร้อนอยู่ในโลกโซเชียลขณะนี้ ซึ่งพบว่ามีดาราตัวท็อปของวงการมาเป็นพรีเซนเตอร์ ทำเอาชาวโซเชียลสืบหาว่ามีใครบ้าง โดยในวันนี้พบว่าอินสตาแกรมของ 2 ดาราชื่อดังอย่างดารารุ่นใหญ่ ‘แซม’ ยุรนันท์ ภมรมนตรี และดาราสาวชื่อดัง ‘มิน’ พีชญา วัฒนามนตรี ก็เรียกได้ว่า มีชาวโซเชียลเข้าไปคอมเมนต์เป็นจำนวนมาก พร้อมทั้งจี้ให้ทั้ง 2 คนออกมาแสดงความบริสุทธิ์และออกมาตอบคำถามของสังคมถึงประเด็นร้อนแรงดังกล่าวอีกด้วย ล่าสุดวันนี้ (9ต.ค.67) ทีมข่าวไนน์เอ็นเตอร์เทน ได้ต่อสายตรงถึงพระเอกรุ่นใหญ่ ‘แซม ยุรนันท์’ เจ้าตัวรับสายพร้อมยินดีให้ข้อมูลอย่างละเอียดในส่วนของตน รู้จักกับเจ้าของบริษัทจากการเรียนหลักสูตรผู้บริหารแห่งหนึ่ง และอีกฝ่ายได้ชวนมาร่วมธุรกิจเพราะเห็นว่าตนมีความรู้ด้านผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ซึ่งตนศึกษาด้านนี้มาโดยตรง และมีธุรกิจโรงพยาบาลเป็นของตนเอง ตนเห็นว่าเป็นเรื่องดีที่จะได้ใช้ความรู้ความสามารถมาช่วยพัฒนาผลิตภัณฑ์สินค้าไทยให้มีคุณภาพมากขึ้นและเป็นที่รู้จักส่งออกขายต่างประเทศได้ จึงเซ็นสัญญาร่วมงานในตำแหน่งผู้อำนวการฝ่ายวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ได้เกือบ 1 ปี กำลังจะหมดสัญญาในปลายปีนี้ ซึ่งตั้งใจไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่าอาจไม่ต่อสัญญา เพราะบริษัทไม่ได้มีผลิตภัณฑ์ออกมาบ่อย ๆ และตนมีงานละครติดต่อมาหลายเรื่องติดๆ กัน แซมยังเปิดเผยอีกว่า ตนได้ใช้ความรู้ความสามารถในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของบริษัทอย่างเต็มที่ เพราะอยู่ในแวดวงด้านสุขภาพมานาน รู้ว่าเทรนด์สุขภาพอะไรกำลังมาแรงและมีประโยชน์ก็ทำงานอย่างเต็มที่ ขณะเดียวกันตนยังมีหน้าที่ในการให้ความรู้-คำแนะนำในคลาสอบรมตัวแทนทุกวันอาทิตย์ ครั้งละครึ่งชั่วโมง ซึ่งตนก็ให้ความรู้อย่างเต็มที่มาตลอด “ยอมรับว่ารู้สึกตกใจ ไม่สบายใจเลยกับข่าวที่เกิดขึ้น และเสียใจที่มีผู้เดือดร้อนเสียหาย หากพบว่าบริษัทที่ตนร่วมงานด้วยผิดจริง ก็ขอเลือกอยู่ข้างประชาชน เพราะตนมีทุกวันนี้ได้ก็ด้วยความรักจากประชาชน […]

ส่องประวัติ “พอล” จากเด็กเสิร์ฟ สู่ซีอีโอพันล้าน

เป็นกระแสโด่งดังในโลกออนไลน์ขณะนี้ เมื่อมีการเปิดโปงธุรกิจขายตรงดิไอคอน ที่มีการประโคมดาราชั้นนำมาเป็นพรีเซนเตอร์ ซึ่งมีผู้เสียหายที่เป็นคนในวงการบันเทิงด้วยกันอย่างน้อย 2 คนขณะนี้ คือ “กบ ไมโคร” และ “คริสโตเฟอร์ เบญจกุล” ที่สูญเงินเก็บก้อนที่เก็บมาทั้งชีวิต เดลินิวส์ออนไลน์เผยประวัติเจ้าของธุรกิจนี้ “พอล-วรัตน์พล วรัทย์วรกุล” ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ ตัวจริง ของอาณาจักรธุรกิจออนไลน์ THE ICON GROUP พอล-วรัตน์พล เติบโตมาในครอบครัวที่ไม่ได้ร่ำรวย จึงต้องเริ่มทำงานหาเลี้ยงชีพตัวเองและแบ่งเบาภาระครอบครัวตั้งแต่ยังเรียนหนังสือ โดยการไปรับจ้างเป็นเด็กเสิร์ฟในร้านอาหารตอนค่ำ ควบคู่ไปกับการทำงานพิเศษอื่น ๆ หาเงินส่งเสียตัวเองเรียน กระทั่งเริ่มทำงานประจำฝ่ายการตลาด เงินเดือนเพียง 6,000 บาท แต่ด้วยความสามารถและขยัน จนมีรายได้ทวีคูณเป็น 10 เท่า จึงลาออกมาทำธุรกิจค้าขายให้ตัวเองอย่างเต็มรูปแบบ สู่ธุรกิจขายกระเบื้องออนไลน์งานแรก จนกลายเป็นวัยรุ่นที่มากด้วยประสบการณ์จากการทำงานมากมายหลากหลาย ก่อนมาเป็นเจ้าของธุรกิจ ดิ ไอคอน กรุ๊ป นอกจากนี้ในฐานะซีอีโอ The iCON GROUP ได้เผยเคล็ดลับความสำเร็จ ด้วย กลยุทธ์ 3 ประสาน คือ “ระบบ-ทีม-ราคา” […]

1 2
error: