ทนายคลายทุกข์

Advertisement หลัง นายอานนท์ รถทอง เสี่ยเจ้าของล้งซื้อทุเรียนส่งออก สร้างความฮือฮาให้บรรดาชายหนุ่ม ประกาศหาเขยให้ลูกสาว “น้องกาญจน์” ดีกรีเกียรตินิยมเอแบค และจบปริญญาโท ตั้งเงื่อนไขมีความขยันขันแข็ง มีความสามารถสืบทอดกิจการล้งได้ ระหว่างลองงานต้องเอาชนะใจลูกสาวได้ ไม่สนฐานะและวุฒิการศึกษา Advertisement ก่อน นายอานนท์ ได้ประกาศยกเลิกการรับสมัครว่าที่ลูกเขย และขอยกเลิกวันนัดรวมพลว่าที่ลูกเขย ที่ จ.จันทบุรี บอกตลอด 3 วัน 3 คืน มีคนแห่สมัครนับแสนคน แถมผู้หญิงอีกนับร้อยขอสมัครเป็นเมียน้อย จนแทบไม่ได้หลับไม่ได้นอน ส่งผลกระทบต่อธุรกิจ แถมโดนเมียด่า “หาเรื่องใส่ตัว” และงอนยังไม่ยอมคุยด้วย ขณะที่ลูกสาวขอโทษสังคม และผู้ที่สนใจสมัครรับการคัดเลือก ย้ำชีวิตคู่ของคนเราไม่ใช่แบบนี้ แต่ยังเปิดช่องให้ติดต่อคบหาเป็นเพื่อนทางสื่อออนไลน์ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น ความคืบหน้า นายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความ ได้ไลฟ์สดผ่าน เพจทนายคลายทุกข์ ระบุ การที่ นายอานนท์ ประกาศหาเขยให้ลูกสาว ออกสื่อไปทั่ว โดยบอกว่าจะยกเงิน ยกทองให้ ต่อมามีคนติดต่อเข้ามาเป็นหมื่นเป็นแสน ก่อนประกาศยกเลิก บอกทุกอย่างเป็นโมฆะ เงิน 10 ล้านที่จะให้ ก็จะให้กับลูกสาว […]

  “ทนายเดชา” ออกโรงป้ององค์กรวิชาชีพ “สภาทนายความฯ” ชี้ เป็นแค่การตักเตือน กลับถูกแฟนคลับทนายดังโจมตีจนเสียชื่อเสียง เผย รู้สึกเสียใจ-หดหู่ ทนายความเดชา กิตติวิทยานันท์ ไลฟ์ผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊ก ทนายคลายทุกข์ ถึงเรื่อง “มรรยาททนายความ” ในบางช่วงบางตอน ว่า ขณะนี้สภาทนายความ ในพระบรมราชูปถัมภ์ กำลังถูกโจมตีจากโซเชียลจนเสียหาย หลังตักเตือนทนายความชื่อดังที่เกี่ยวข้องกับคดีหวย 30 ล้าน รู้สึกเสียใจและหดหู่ที่มีประชาชนเข้าไปทำลายเชื่อเสียง เป็นทนายความในสังกัดสภาทนายความฯ มา 33 ปี เป็นห่วงสภาทนายฯ อย่างยิ่ง เพราะเป็นองค์กรที่สำคัญคอยควบคุมจรรยาบรรณของทนายความ ที่ผ่านมาก็ทำหน้าที่อย่างดีที่สุด กลับถูกด่าให้ร้ายป้ายสี “ผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าสมาชิกที่เป็นทนายความที่กำลังมีชื่อเสียง มีผู้ติดตามจำนวนมาก จะสามารถสร้างผลกระทบต่อองค์กรให้เกิดความเสียหายอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ตั้งแต่ก่อตั้งมา รู้สึกเสียใจและหดหู่ เพราะเพียงแค่อุปนายกแนะนำตักเตือน แค่แตะต้องวิพากษ์วิจารณ์ กลับถูกด่าเสียหาย รวมทั้งมีทนายความบางส่วนร่วมด่าสภาทนายความฯ และอุปนายกด้วย เป็นการกระทำที่ผิดมรรยาททนายความ เพราะทำลายชื่อเสียงองค์กร” อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ทางสภาทนายความฯ และอุปนายก อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินการตามที่เห็นสมควรต่อไป พร้อมฝากว่า การที่จะชอบหรือรักใคร่ทนายความคนใดอย่าถึงขนาดทำลายองค์กรวิชาชีพทนายความ เพราะที่ทางสภาทนายความฯ ทำเป็นเพียงการตักเตือน.     (ขอบคุณเฟซบุ๊ก ทนายคลายทุกข์)