กองสลากฯ ยอมรับ ไร้ทางแก้ปัญหาขายสลากเกินราคา
Advertisement Advertisement
Advertisement Advertisement
เมื่อวันที่ 5 ก.ย. ที่ศูนย์บริการประชาชน สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (ฝั่งก.พ.) เครือข่ายประชาชนปฎิรูปสลาก นำโดย นายราเมศร ศรีทับทิม ผู้ประสานงานเครือข่ายฯ และนายณัฐพงศ์ สำเภาแก้ว ผู้ประสานงานเครือข่ายเด็กรุ่นใหม่ไม่พนัน พร้อมนักศึกษาและชาวบ้านกว่า 30 คน ยื่นหนังสือถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. เพื่อขอให้ทบทวนการเพิ่มจำนวนสลากกินแบ่งรัฐบาล ที่ทุบสถิติเป็นประวัติศาสตร์ถึง 90 ล้านฉบับ จากเดิม 37 ล้านฉบับ ให้อยู่ปริมาณที่เหมาะสม โดยเครือข่ายเห็นว่า สำนักงานสลากฯ ไม่ควรดำเนินการใดๆ ที่สวนทางกับเจตนารมณ์ของรัฐบาล ในการลดปัญหาการพนัน เพราะเป็นการส่งสัญญาณ ที่สับสนให้กับเด็กและเยาวชนถึงจุดยืนของรัฐบาล นอกจากนี้ การเพิ่มสลากเข้าสู่ระบบไม่ใช่แนวทางแก้ปัญหา เพราะปัจจุบันยังมีการขายสลากแบบชุดเกินราคาอยู่เกลื่อนเมือง จึงขอให้พิจารณาทบทวนปัญหาดังกล่าวอย่างรอบคอบด้วย โดยคำนึงถึงผลกระทบของสังคม โดยเฉพาะเด็กและเยาวชนด้วย ข่าวจาก : ข่าวสดออนไลน์
คณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบ พ.ร.บ.สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล พ.ศ.2537 ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม ที่แก้ไขให้สอดคล้องกับคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 11/2558 เรื่องมาตรการแก้ไขปัญหาการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาล หนึ่งในนั้น คือการแก้ไขเพิ่มเติมบทกำหนดลงโทษ ความผิดในกรณีการขายสลากกินแบ่งฯ เกินราคา จากเดิมระวางโทษปรับไม่เกิน 2 พันบาท เป็นต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เพิ่มเติมความผิดในกรณีการขายสลากกินแบ่งฯ ในสถานศึกษาไม่ว่าจะมีรั้วล้อมหรือไม่ก็ตาม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ผู้ใดขายสลากกินแบ่งรัฐบาลแก่บุคคลซึ่งมีอายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากมาตรการเพิ่มบทลงโทษที่เป็นการแก้ปัญหาการขายสลากกินแบ่งฯ ราคาแพง การแก้กฎหมายครั้งนี้ยังเปิดช่องเพื่อเตรียมรองรับผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อเป็นทางเลือกต่อไป ขณะเดียวกันเรื่องการจัดทำสลากรวมชุดจำหน่ายเองยังอยู่ในแผนงานของกองสลากฯ เช่นเดียวกับคัดกรองผู้จำหน่ายที่ได้สลากแล้วนำไปขายต่อซึ่งเป็นต้นเหตุสลากฯ ราคาแพง ข่าวจาก : workpointnews